Rate Card คืออะไร เรทการ์ดที่ดีเป็นอย่างไร สำหรับ Influencer มักจะต้องมีเรทการ์ดประจำตัว เพื่อไว้บอกราคาว่าบริการต่าง ๆ ที่เรารับโปรโมต มีราคาอยู่เท่าไร แต่สำหรับ Influencer มือใหม่ จะเริ่มสร้างเรทการ์ดอย่างไรดี ตั้งราคาเท่าไร และในเรทการ์ดต้องมีอะไรบ้าง มา Digital Break Time จะพาไปดูกัน
Rate Card คืออะไร อ่านหัวข้อที่ต้องการ
Rate Card คืออะไร ทำความเข้าใจกับเรทการ์ดเบื้องต้น
Rate Card คือข้อมูลระบุราคาสำหรับการโฆษณา สื่อต่าง ๆ ซึ่งสื่อนั้น ๆ จะเป็นคนที่ทำเรทการ์ดขึ้นมา เพื่อใช้สำหรับขายโฆษณา ซึ่งเมื่อก่อนนิยมกันมากสำหรับการใช้ในทีวี หนังสือพิมพ์ สื่อออฟไลน์ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันเมื่อออนไลน์มีบทบาทมากขึ้น เรทการ์ดจึงได้ขยายวงกว้างมายังเหล่า Influencer อินฟลูเอนเซอร์ Blogger บล็อกเกอร์ YouTuber ยูทูปเบอร์ ต่าง ๆ ซึ่งใน Rate Card ก็จะระบุประเภทของโฆษณาที่แตกต่างกันออกไปตามแต่เจ้าของจะระบุนั่นเอง ส่วนมากมักจะทำใน ppt แล้วเป็นไฟล์แบบ PDF เพื่อสามารถส่งได้ง่าย
Rate Card เรทการ์ดควรจะมีอะไรบ้าง และวิธีการตั้งราคายังไงให้น่าสนใจ

สำหรับใครที่เป็น Influencer มือใหม่ เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาโฆษณามาบ้างแล้ว หรือต้องการเตรียมพร้อมไว้ก่อน แต่ยังไม่รู้ว่าจะสร้างเรทการ์ดอย่างไรดี ใน Rate Card ต้องมีอะไรบ้าง Follower เท่านี้คิดราคาแบบนี้โอเคมั้ย ทางผู้เขียนเองทำงานในเอเจนซี เจอราคา Influencer มาก็มาก เลยเก็บความรู้มาเผยแพร่ให้กับ Influencer มือใหม่กัน
1. สถิติ ข้อมูลผู้ติดตาม คนที่ติดตามเราคือใคร ในภาพรวม
อันแรกที่ควรจะต้องมี นั่นคือสถิติ ข้อมูลของผู้ที่ติดตามเรา หลาย ๆ แพลตฟอร์มมักจะมีข้อมูลผู้ที่ติดตามเราอยู่แล้ว เราทำสไลด์ เพราะผู้ที่ต้องมาขอ Rate Card นอกเหนือจากราคาแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือกลุ่มผู้ที่ติดตามเรานั้น ใช้กลุ่มเป้าหมายเดียวกับผู้ที่ต้องการว่าจ้าง หรือแบรนด์ต้องการหรือไม่ ถ้าตามสถิติ ข้อมูลผู้ติดตามไปด้วยกันได้ ก็จะมีโอกาสสูงมากที่แบรนด์หรือเอเจนซีจะจ้างเราด้วย ทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram Twitter TikTok YouTube มีข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว ส่วนเว็บไซต์ต่าง ๆ ขอเพียงแค่มี Google Analytics ก็จะรู้ได้ว่ามีคนเข้าเว็บไซต์ของเราเท่าไร จำนวนหน้าที่ถูกเปิด จังหวัดที่มีคนเข้า ช่วงอายุและความสนใจต่าง ๆ
2. ทำไมถึงต้องเลือกเรา จุดเด่นของเราคืออะไร
ต่อมาคือ ทำไมถึงต้องเลือกเรา และเราทำอะไรได้บ้าง อันนี้ของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ดึงจุดเด่นออกมาให้ได้ ยกตัวอย่างของเว็บไซต์ผู้เขียนเอง ทั้ง digitalbreaktime.com และ rabbitor.net สำหรับ จุดเด่นจะเป็นงานเขียนแบบ SEO ที่ติดอันดับสูง อยู่ได้นาน ค้นคว้าหาคีย์เวิร์ดก่อน เพิ่ม Backlinks ได้กับเว็บไซต์ต้นทาง ไม่ลบบทความที่ลูกค้าทำ Advertorial ด้วย ซึ่งต่างจากหลายเว็บไซต์ที่ไม่ได้เน้น SEO เลยเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากเว็บไซต์อื่น บางที่เท่าที่เคยเห็นถ้าเป็นเน้นวิดีโอ มีการันตียอดวิว ว่าจะได้กี่วิว ยอดคนอ่านจะมีเท่าไร ฯลฯ ซึ่งตรงนี้เราต้องหาจุดเด่นให้กับตัวเองจนได้ เพราะถ้าเราเหมือนกับคนอื่น ก็ไม่แตกต่าง จ้างคนอื่นได้เหมือนกัน
3. ราคาของแต่ละ Service ที่เรามี พร้อมลงรายละเอียดของ Service ต่าง ๆ
สิ่งที่ต้องตามมาก็ต้องระบุ Service ต่าง ๆ ว่าแต่ละ Service ที่เราทำมีอะไรบ้าง พร้อมลงรายละเอียด เราสามารถระบุรายละเอียดที่เราต้องการได้ เพราะที่จะให้ผู้ว่าจ้างเห็นภาพได้ชัดมากขึ้น ถ้ามีตัวอย่างงานอื่น ๆ ที่เคยทำ สามารถแทรกภาพลงไปได้ ลงโฆษณาเป็นตำแหน่งไหน ต้องการไทอินสินค้าแบบรีวิว ทำแบบวิดีโอ ซึ่งเราสามารถระบุพร้อมราคาได้เลย แต่ว่าถ้าเรามี Service เป็นจำนวนมากทำให้จำนวนหน้าอาจมากตามและมีรายละเอียดมากเกินไป ต้องมีหน้า Rate Card รวม อาจเป็นตารางที่รวมทุก Service และระบุราคาเอาไว้ เพื่อให้เปรียบเทียบได้ง่าย ๆ
4. ตั้งราคาอย่างไรดี ดูจากปัจจัยความยากของคอนเทนต์ คนติดตาม ฯลฯ

เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าต้องการตั้งราคาอย่างไรดี ส่วนมากจะนับจากสถิติของผู้ติดตาม แน่นอนว่ายิ่งมากราคาก็มักจะสูงตาม แต่ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งราคาก็จะไม่ได้สูงตามแล้ว เท่าที่เคยเจอแปลกที่สุดคือคิดราคาตามจำนวน Follower แบบ 30,000 Followers คิดที่ 30,000 บาท ซึ่งเราเป็นเอเจนซี เราก็มีตัวเลือกอื่นที่มี Followers มากกว่านี้ แต่ราคาก็สมเหตุสมผลกว่านี้
ในความเป็นจริง ราคามักจะแปรผันตาม ความยากของคอนเทนต์ / จำนวนผู้ติดตาม / ยอด Engagement / Position ของ Influencer / Business ของธุรกิจ แน่นอนว่า จำนวนผู้ติดตามสูง และยอด Engagement ถ้าอยู่ในระดับสูงทั้งคู่แนวโน้มที่จะมีราคา Rate Card ที่แพงขึ้น ส่วนความยากของคอนเทนต์ ถ้าเป็นวิดีโอแน่นอนราคาก็มักจะสูงกว่าราคาคอนเทนต์ประเภทอื่น Position ของตัว Influencer ถ้าวางภาพลักษณ์ที่รีวิวแต่ของแบรนด์เนมมีราคา ราคาก็จะแพงกว่าโดยทั่วไป สุดท้ายก็จะเป็น Business ของธุรกิจที่มาลง หรือประเภทของสินค้าและบริการที่ Influencer ด้านนั้นถนัด โดยปกติพวกท่องเที่ยว รถยนต์ ความงาม มักจะมีราคาสูง
สุดท้ายถ้ายังไม่รู้ว่าจะตั้งราคาอย่างไรดี สืบราคาเอาเลย สำหรับ Influencer ที่ใกล้เคียงกับเรา มีหลายอย่างที่เหมือนเรา ผู้ติดตามและ Engagement ระดับไล่เลี่ยกัน ก็สามารถสืบราคาเอาได้ เพราะ Rate Card เหมือนจะเป็นความลับ แต่ก็ไม่ได้ลับขนาดนั้น เพราะถ้าเราตั้งราคาโดดมากเกินไป แน่นอนว่าอาจจะทำให้เราสูญเสียรายได้ไปด้วย แต่ถ้าตั้งราคาต่ำเกินไป อาจทำให้เราทำงานได้ไม่เหมาะสมกับผลตอบแทนที่จะได้รับได้
หวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังจะสร้างเรทการ์ด และคิดว่าราคาเท่าไรดี รวมไปถึง Influencer มือใหม่ ที่กำลังมุ่งมาทางด้านนี้เต็มตัว สำหรับแบรนด์และเอเจนซีที่อ่านบทความนี้อยู่ อยากได้ Rate Card ทาง Digital Break Time ก็สามารถ อีเมลมาได้เลยที่ digitalbreaktime@จีเมล.com หรือทักแชทมาได้เลยที่ Facebook (ขายของกันหน่อย ราคาไม่แพง คุยกันได้)
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามข่าวสาร บทความดี ๆ จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time