Featured Snippets คืออะไร Featured Snippets คือการแสดงผลลัพธ์การค้นหาในตำแหน่งที่ 0 หรือตำแหน่งบนสุดของ Google Search ที่เป็น Organic Search (ซึ่งไม่นับรวมส่วนที่เป็นโฆษณา) โดยจะมีลักษณะที่เป็นข้อความ ตาราง หรือรูปภาพ เพื่อให้คนที่ค้นหาเข้าใจได้ในทันที ซึ่งตอบโจทย์ Search Intent ค่อนข้างมาก
Featured Snippets คืออะไร อันดับ 0 บน Google Search
Featured Snippets คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับเว็บไซต์
ต้องบอกก่อนว่า Featured Snippets ของ Google Search ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา โดย Featured Snippets จะช่วยดึงประโยคสำคัญ หรือบทความบางส่วนขึ้นมาโชว์ในพื้นที่ที่ใหญ่มาก กว่า 50% ของพื้นที่ Google Search หรือเป็นตำแหน่งที่ 0 ซึ่งพื้นที่ขนาดนี้ก็จะมีโอกาสสูงมากที่คนเห็นจะคลิกมากขึ้น สามารถเพิ่ม CTR ได้ทางอ้อมได้
แต่ทว่า Featured Snippets ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเท่านั้น ในหลากหลายความคิดเห็นได้ชี้ถึงข้อเสียของ Featured Snippets เอาไว้ว่า อาจทำให้ คนไม่เข้าคลิกเว็บไซต์เรา หรือเกิด CTR น้อยลง (ในย่อหน้าข้างบนยังบอกว่า CTR เพิ่มอยู่เลย ทำไมย้อนแย้งแบบนี้) ลองนึกถึงตรงนี้ดูครับ
ข้อเสียของ Featured Snippets ต่อเว็บไซต์

ถ้าเราค้นหาด้วยคำว่า “อุณหภูมิวันนี้” ใน Google Search หน้าผลลัพธ์การค้นหาก็จะโชว์ Featured Snippets ขึ้นมาทันทีว่าวันนี้มีอุณหภูมิเท่าไร ซึ่งข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว โดยเราไม่จำเป็นที่จะต้องคลิกเข้าเว็บไปอีก นั่นหมายความว่า Featured Snippets จะลดทราฟิกของเว็บลงเมื่อคนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดคำว่า “อุณหภูมิวันนี้” โชว์แค่อุณหภูมิวันนี้ ก็ตอบโจทย์ Search Intent
ข้อดีของ Featured Snippets

แต่ถ้าเป็นการค้นหาคำว่า “Lifecycle Marketing คืออะไร” คุณจะก็พบ Featured Snippets ที่ดึงมากจากเว็บ digitalbreaktime.com (ขออวดหน่อยนะ) โดยจะดึงคำอธิบายบางส่วน ประมาณ 4 บรรทัด พร้อมทั้งรูปภาพขึ้นมา ซึ่งใครที่ต้องการหาข้อมูลแบบละเอียด มีความลึกขึ้น แน่นอนว่าคำตอบเพียงแค่ 4 บรรทัดกับสิ่งที่เราค้นหาว่า “Lifecycle Marketing คืออะไร” คงไม่พอ เราก็ต้องกดคลิกเพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลตามที่เราต้องการ นั่นหมายความว่า CTR ก็จะเพิ่มขึ้น มีคนคลิกเข้ามามากขึ้น
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ที่กล่าวมา โดยสรุปว่าถ้า Featured Snippet ดึงข้อมูลสำคัญขึ้นมา โดยเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ต้องอ่านต่อ จะนับว่าเป็นข้อดีของเว็บไซต์ เพราะจะต้องมีการกดคลิก จะช่วยให้ CTR สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ Traffic มากขึ้นด้วย แต่ถ้าเป็นข้อมูลสั้น ๆ ที่ไม่ต้องการแบบลึกขึ้น คำตอบนิดเดียวรู้เลย นั่นเรียกว่าก็จะเป็นข้อเสียอย่างร้ายแรง ที่ Google Search แสดงผลมาก่อน ดังนั้นรูปแบบของคอนเทนต์หรือบทความจึงควรเป็นคอนเทนต์ที่ให้คุณค่า มีความละเอียด ให้ความรู้ที่ลึกขึ้น เมื่อ Google Search คัดเลือกคอนเทนต์ของเรา โชว์ที่ Featured Snippet จะกลายเป็นผลดีต่อเว็บไซต์เราอย่างมหาศาล
เขียนบทความอย่างไรให้โชว์บน Featured Snippets ยกตัวอย่างเคสจริง

อันนี้ต้องบอกก่อนว่าอาจจะไม่ใช้หนทางที่ถูกต้อง 100% เพราะ Google เองก็ไม่เคยบอกว่าวิธีการคัดเลือกใช้อะไรคัดเลือก เพราะฉะนั้น How to นี้จะเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่ใช้งานจริง ซึ่งส่วนตัวทำงานเขียนให้ติด Featured Snippets มาหลายบทความแล้ว ทั้งเว็บไซต์ Digitalbreaktime.com เอง และ rabbitor.net เกิดจากการทำซ้ำ และฝึกฝนบ่อย ๆ ทำให้ติดอันดับที่ 0 หรือที่เรียกกันว่า Featured Snippets บ่อย ๆ เลยจะมาแชร์ประสบการณ์ให้กับคนที่กำลังเริ่มทำคอนเทนต์ให้ติดหน้าแรกของ Google และโชว์บน Featured Snippets
1. พยายามใช้ Long Tail Keywords มากกว่า Short Tail Keywords
ทาง Digital Break Time ได้เคยอธิบายความหมายของ Long Tail และ Short Tail Keyword ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ขออธิบายย่อ ๆ อีกครั้งหนึ่งว่า Short Tail Keyword คือคีย์เวิร์ดที่เป็น Mass มีความหมายกว้าง ๆ โดยทั่วไป เช่นคำว่า “บัตรเครดิต” ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดที่มีความหมายกว้างมาก ๆ ไม่ได้ระบุเจาะจงใด ๆ ว่าเป็นบัตรเครดิตเจ้าไหน แต่สำหรับ Long Tail Keyword จะเป็นคีย์เวิร์ดที่มีความยาวกว่าปกติ เจาะจงมากขึ้น เช่น “รีวิวบัตรเครดิต Kbank line point” เป็นคีย์เวิร์ดที่มีความยาวมากขึ้น จะเจาะจงมากขึ้น (ซึ่งถ้าคุณค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดตามนี้ ก็จะเห็น ผลลัพธ์การค้นหา Featured Snippets อันดับ 0 ที่เป็นผู้เขียนได้เขียนคอนเทนต์ไว้) ก็จะมีโอกาสที่ Google Search จะคัดเลือกเป็น Featured Snippets ได้
การที่เราใช้ Long Tail Keyword มีข้อดีอีกอย่างนั่นคือ คนที่ใช้ Long Tail Keyword ค้นหา มีแนวโน้มสูงมากที่จะมี Search Intent ที่ลึก จะค้นหาเพื่อค้นคว้ามากกว่า ต่างการคนที่ใช้ Short Tail Keyword คือคำกว้าง ๆ อาจจะยังไม่ได้มีแนวโน้มที่ค้นหาแบบเจาะลึกอะไร ต้องการแค่ดูคำตอบในภาพรวมเท่านั้น ลองนึกถึงตัวเองบ้างก็ได้ ถ้าเราค้นหาชื่อบัตรเครดิตตรง ๆ อย่างมากก็จะเข้าเว็บไซต์ของแบรนด์ เฉย ๆ ไม่ได้แปลว่าอยากจะสมัครโดยตรง แต่ถ้าค้นหารีวิวบัตรเครดิต หรือเป็นสิทธิประโยชน์ของบัตร เปรียบเทียบบัตรเครดิตต่าง ๆ มีแนวโน้มสูงมากที่จะนำข้อมูลบัตรเครดิตที่อ่านเจอ มาเปรียบเทียบ เพื่อไว้ใช้ประกอบการตัดสินใจการสมัครบัตรเครดิตนั่นเอง
2. จัดเรียง Heading ให้ดี โดยเรียงจากหน่วยใหญ่ ไปหัวห้อที่เป็นหน่วยย่อย
Heading ก็คือหัวข้อที่ทำให้ Google รู้ว่า ในย่อหน้านั้น ๆ พูดถึงเรื่องอะไรอยู่ และต้องจัดลำดับความสำคัญของ Headline ด้วยว่า Headline ไหน ควรเป็นหัวข้ออะไร สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดคือ การเขียนบทความแบบไม่มี Headline เลย เป็นย่อหน้ายาว ๆ เพราะจะทำให้คนอ่าน อ่านยากขึ้นเป็นอย่างมาก และ Google เอง ก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเอา Headline ไปคัดเลือกโชว์ Headline มีความสำคัญค่อนข้างมาก
เพื่อให้เห็นภาพรวม และแนะนำเลยว่า แนวจากทารจัด H2, H3, H4 ควรเป็นจากหน่วยใหญ่ ไล่ไปที่หน่วยย่อยเรื่อย ๆ เช่น
H2 – เมนูอาหารแบบทอด
H3 – เมนูอาหารแบบทอด ที่ทำจากเนื้อหมู
H4 – หมูทอดทงคัตสึ
H4 – หมูทอดน้ำปลา
H3 – เมนูอาหารแบบทอด ที่ทำจากปลา
H4 – ปลาทับทิมทอดราดพริกสามรส
H4 – ปลาทอดซอสไข่เค็ม
ควรจะเป็นลักษณะนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นตามนี้เป๊ะก็ได้ เป็นเพียงแนวทางในการทำ Headline ในบทความเพื่อให้การอ่านง่ายขึ้น และยังดีต่อ SEO และยังช่วยมีโอกาสที่ Google Search คัดเลือกคอนเทนต์เราโชว์เป็น Featured Snippets ได้
3. คอนเทนต์ต้องแสดงถึงความรู้จริง มีประโยชน์ สามารถตอบข้อสงสัยได้หลายคำถาม

ยิ่งคอนเทนต์ของเราสามารถตอบได้หลายคำถามมากเท่าไร คอนเทนต์ดีมีประโยชน์ รู้ลึกรู้จริง ตอบคำถามได้หลายแบบ ตามที่เว็บไซต์อื่นให้ไม่ได้ นั่นหมายความว่าโอกาสสูงมากที่จะมีโอกาสติดคีย์เวิร์ดการค้นหาได้หลากหลายมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งติดได้หลายคีย์เวิร์ด ก็ทำให้ Featured Snippets จาก Google Search แสดงผลในการค้นหาสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว และอย่าลืมว่าคนไม่ได้ค้นหาแบบ Short-tail Keyword เพียงอย่างเดียว Long-tail Keyword ก็มีคนค้นหาไม่น้อย และยังมีหลายคีย์เวิร์ดด้วยกัน
และถ้าคอนเทนต์ดีมีประโยชน์จริง สิ่งที่จะได้เพิ่มขึ้นเป็นของแถมคือ คอนเทนต์ของเราจะถูกแชร์มากขึ้น ส่งผลให้ Traffic จาก Social Media สูงขึ้น หรือถ้าดีกว่านั้น ก็จะมีการอ้างอิงโดยให้ Backlinks กลับมา ช่วยให้เว็บไซต์เรา Ranking สูงขึ้น และค่า DA ก็มากขึ้นตามด้วย
4. คอนเทนต์ไม่จำเป็นต้องยาวมาก ไม่มีกำหนดจำนวนคำตายตัว
หลายคนอาจคิดว่าบทความหรือคอนเทนต์ยิ่งยาว ยิ่งดีต่อ SEO ทำให้ติดอันดับหน้าแรกได้ง่ายขึ้น และอาจทำให้แสดงผล Featured Snippets ง่ายขึ้น ซึ่งต้องบอกเลยว่า Google ไม่เคยมาบอกว่าควรจะเขียนจำนวนคำที่เท่าไรถึงจะดีที่สุด แต่ให้เปรียบเทียบอุตสาหกรรมเดียวกัน คล้ายกัน หรือคีย์เวิร์ดที่เราเลือกใช้งาน ค้นหาเลยว่าคู่แข่งทำคอนเทนต์บทความจำนวนกี่คำ แนะนำว่าไม่ควรทำน้อยกว่าคู่แข่งมากเกินไป หรือมากเกินความจำเป็น
เพราะน้อยเกินไปทำให้ข้อมูลไม่ครบ Featured Snippets ก็อาจจะไม่ได้เลือกบางส่วนของบทความเราโชว์ได้ หรือถ้าทำมากเกินไปจะกลายเป็นว่าเราเสียเวลากับการทำคอนเทนต์มากเกิน อาจทำให้เนื้อหาที่จะเล่ายาวเกินไป ถ้าต้องการเล่าให้ครบ แนะนำทำเป็น Topic Cluster น่าจะดีกว่า
Featured Snippets คืออะไร โดยสรุปความคิดเห็น ดีไหม
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า การที่คอนเทนต์บทความของเราจะแสดงบน Google Search ในตำแหน่งที่ 0 หรือที่รู้จักกันว่าเป็น Featured Snippets เอาเข้าจริงสำหรับตัวเองคือไม่ใช่เรื่องยาก (สำหรับบางคีย์เวิร์ด) ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เพียงมีความรู้มีความเข้าใจในด้านงานเขียนของ SEO และต้องลงมือทำบ่อย ๆ รวมไปถึงส่วนตัวมองว่า Featured Snippets มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพราะตัวเองเป็นคนที่ชอบการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ โดยมีความยาวประมาณหนึ่งอยู่แล้ว เลยไม่ได้กังวลใจเลยว่า Google Search จะลดทราฟิกเราได้ ใครที่กำลังเริ่มต้นงานเขียนบทความคอนเทานต์ให้ติดอันดับ 0 ก็ขอเป็นกำลังใจให้ เพราะถ้าทำแล้วติดครั้งแรก ก็จะมีครั้งต่อไปง่ายขึ้น
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามข่าวสาร บทความดี ๆ จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time