Reallocate Budget คืออะไร โยกงบประมาณแบบไหนถึงจะดี ใครที่ทำงานด้านการตลาด หรือ Digital Marketing ก็ตาม อาจจะคุ้นกันดี ว่าการโยกงบประมาณเป็นเรื่องที่เจอได้ตามปกติ
มาทำความรู้จักการ Reallocate Budget คืออะไร ก่อนว่าคือการโยกงบประมาณ จากอีกที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง โดยเหตุผลของการโยกงประมาณก็มีจุดประสงค์หลายรูปแบบ ซึ่งในแง่มุมของ Digital Marketing นั้น การโยกงบประมาณ สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติและธรรมดามาก ถึงแม้ว่าจะวางแผนกันมาตั้งแต่ต้นก็ตาม แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน การทำ Reallocate Budget หรือโยกงบประมาณ มีตั้งแต่โยกงบจำนวนไม่มาก จนถึงกระทั่งล้มแผนที่เคยทำมาตั้งแต่แรกก็มี
Reallocate Budget คืออะไร หลักการโยกงบประมาณมีอะไรบ้าง
Reallocate Budget คืออะไร หลักการในการโยกงบประมาณ Digital Marketing ทำได้อย่างไร
ซึ่งในบทความนี้ทาง Digital Break Time จะเล่าถึงหลักการ Reallocate Budget ในแง่ของการทำ Digital Marketing ว่ามีหลักการอย่างไรบ้าง ใช้ในแง่ไหนตัดสินใจ
1. Reallocate Budget ในแง่ของบริการ หรือสินค้าที่ต้องการเน้น

โดยส่วนใหญ่แล้ว การ Reallocate Budget ในแง่นี้มักจะเกิดขึ้นช่วงของการวางแผน Digital Marketing เป็นหลักเลย เพราะเมื่อเอเจนซีรับบรีฟ หรือว่าจะทำเองก็ตาม ก็มักจะต้องมีคำถามเบื้องต้นอยู่เสมอว่า สินค้าหรือบริการไหน ที่เป็น Hero Product หรือ Hero Service ที่ขายดีที่สุด เนื่องจากว่างบประมาณในการทำการตลาดมีจำกัด การที่เราโยกงบประมาณสูงไปยังสินค้าที่ขายดี จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำ และจะช่วยให้ขายดียิ่งขึ้น
แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับการขายสินค้าที่ขายไม่ค่อยดี แต่พยายามผลักดันให้งบเยอะ ๆ เพราะว่าคาดหวังว่าจะขายดี แน่นอนว่าอาจจะเป็นไปได้ แต่สินค้าที่ขายไม่ค่อยดีมักจะมี CPA โดยเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูง หรือใช้เงินจำนวนมากที่จะให้ขายได้ สู้ใช้เงินไปกับสินค้าที่ขายดี จะดีกว่ามาก ซึ่งถ้าให้แนะนำควรแบ่งเงินส่วนมากไปยังสินค้าหรือบริการที่ขายดี และค่อย ๆ ทยอยลดหลั่นลงมากับสินค้าหรือบริการที่รอง ๆ ลงไป
2. โยกงบในส่วนของแพลตฟอร์ม Platform ในการทำโฆษณา
ส่วนนี้สามารถเกิดได้จากขั้นตอนของการวางแผน หรือจะเป็นช่วงที่เมื่อรันโฆษณาไปแล้วค่อยโยกงบก็ได้ ส่วนที่เป็นขั้นตอนของการวางแผน คล้ายกับข้อด้านบนเลยว่า Social Media ไหนที่อยากเน้น หรือคนติดต่อมากมากที่สุดจาก Social Media นั้น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ต้องการขายสินค้าบน Platform eCommerce เป็นหลัก งบก็ควรจะอยู่ที่ Shopee หรือ Lazada แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก เน้นเรื่อง Lead หรือการติดต่อเป็นหลัก พวกโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็อาจเหมาะสมกว่า ไม่ว่าจะเป็น Facebook Lead Generation Ads หรือ TikTok Lead Generation Ads ก็ทำได้เหมือนกัน
แต่เมื่อรันโฆษณาไปสักพักแล้ว ผลตอบรับที่เราคาดไว้กับการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่เราทุ่มเงิน ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ก็ค่อยพิจารณา Reallocate Budget ก็ได้ ซึ่งอันนี้จะเขียนในข้อที่ 4
3. Reallocate Budget ของจุดประสงค์แต่ละแคมเปญ

อันนี้จะเริ่มลึกลงไปอีกในหนึ่งเครื่องมือโฆษณาต่างมี Objective หรือจุดประสงค์หรือการทำโฆษณามีมากมาย ซึ่งในแต่ละจุดประสงค์อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกธุรกิจ บาง Objective ก็เหมาะกับการทำ Awareness แต่ไม่เหมาะกับการซื้อขายสินค้าหรือหา Lead บางอันเหมาะมากกับการเน้นให้ซื้อสินค้าหรือบริการเป็นหลัก แต่กลับไม่ Awareness เลยก็มี
ยกตัวอย่างเช่น เราจะใช้เครื่องมือ Google Ads ในการทำโฆษณา สำหรับธุรกิจโรงพยาบาล เพื่อให้ซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพ แน่นอนว่าการใช้ Objective สำหรับ Search ค่อนข้างตอบโจทย์มาก อาจทำให้เกิด CPA ในราคาน้อย ได้ ยอด Conversion พอประมาณ แต่ว่า Search ก็มีจุดบกพร่องคือ ต้องรอให้คน Search มาก่อนเท่านั้น Awareness ต่ำ การเลือกทำคู่กับ GDN (Google Display Network) หรือ Discovery Ads ก็จะช่วยเพิ่ม Awareness ได้มาก ได้จำนวน Traffic ที่สูงขึ้น และผลพลอยได้ก็อาจเป็น Conversion ด้วย แต่ส่วนมากราคา CPA จะสูงกว่าแบบ Search นั่นเราก็เลยจำเป้นที่จะต้อง Reallocate Budget ส่วนนี้ให้เหมาะสมกัน
4. Reallocate Budget โยกงบตาม Performance ประสิทธิภาพผลลัพธ์ที่ได้
สุดท้ายคือการโยกงบประมาณตามประสิทธิภาพหรือผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ยากมากในการทำช่วงทำแผนว่าจะใส่งบเท่าไร เพราะต้องรันโฆษณาไปก่อนถึงจะเห็นประสิทธิภาพ ถึงแม้จะเป็นเอเจนซี ที่มีผลลัพธ์ลูกค้าที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันก็ตาม แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อถึงเวลารันจริง ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่เหมือนกับที่หวังไว้ ก็จำเป็นที่จะต้องโยกงบประมาณตาม Performance
ซึ่ง Performance ในที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเน้นอะไร เช่น ถ้าเราเน้นขายสินค้า eCommerce เป็นหลัก การที่จะดู Purchase หรือ Conversion Value ก็สามารถเน้นได้ หรือถ้าจะเน้นลุกขึ้นไปอีก อาจจะดูที่ ROAS ว่ายอดขายที่เราได้มาสัมพันธ์กับยอดโฆษณาแค่ไหน
ส่วนถ้าเน้นพวก Lead เป็นหลัก ก็อาจจะดู CPA หรือ Cost per Conversion ที่ได้มาเป็นหลัก รวมไปถึงคุณภาพของ Lead ที่ได้มา หนัก ๆ ก็อาจจะดูลึกระดับ Customer Lifetime Value ในพวกระบบของ CRM ประกอบได้ด้วย
การ Reallocate Budget โยกงบประมาณก็เพียงแค่โยกงบไปยังแคมเปญ แพลตฟอร์ม หรือสินค้าหรือบริการที่ทำ Performance ได้ดีนั่นเอง แต่จุดนี้เรียกได้ว่าต้องมีข้อมูลที่ลึก และครบ รอบด้านถึงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นหลักในการทำ Reallocate Budget ว่าการโยกงบประมาณในการทำ Digital Marketing สามารถตัดสินใจจากอะไรได้บ้าง ซึ่งในการตัดสินใจโยกงบแต่ละครั้ง ย่อมหมายถึงการได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time