ธุรกิจ B2B ทำ Digital Marketing อย่างไรดี หลายธุรกิจ B2B ต่างมีความต้องการที่จะเริ่มทำ Digital Marketing แต่อาจจะหลงทาง ยังไปไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จะเริ่มจากเครื่องมือไหนก่อน ลองเริ่มอ่านจากบทความนี้มีคำตอบ
เรามาทำความเข้าใจธุรกิจแบบ B2B ก่อนดีกว่าว่าคืออะไร ธุรกิจแบบ B2B ย่อมาจากคำว่า Business to Business คือการทำธุรกิจ และลูกค้าของเราก็คือธุรกิจด้วยกันนั่นเอง ซึ่งลักษณะของธุรกิจแบบ B2B นั้นมักจะเกิดจากในหลายธุรกิจมักจะมีความต้องการต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างสะดวก ซึ่งก็จะมีบริการ สินค้า หรือโซลูชันบางอย่างที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจเหล่านี้ได้ เกิดเป็น Supply Chain นั่นเอง ซึ่งจะแตกต่างจากแบบ ธุรกิจแบบ B2C หรือ Business to Customer ที่จะเน้นจำหน่ายสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภคโดยตรง (อย่างธุรกิจของ Digital Breal Time เอง ก็เป็นธุรกิจที่เป็นแบบ B2B เพื่อให้บริการทางด้านการตลาดดิจิทัลกับธุรกิจอื่น ๆ นั่นเอง)
ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ธุรกิจแบบ B2B มักจะเน้นฝั่งที่เป็น Sales เป็นหลัก เพราะกลุ่มฐานลูกค้าชัดเจนมาก ว่าเป็นธุรกิจแบบใด ลูกค้าอยู่ที่ไหน และส่ง Sales เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือโซลูชันต่าง ๆ เพื่อนำเสนอได้อย่างตรงจุด แต่สำหรับการตลาดแล้วอาจจะไม่ได้เน้นมากนัก แต่เมื่อ Digital Marketing เข้ามา ทำให้ ธุรกิจแบบ B2B เปลี่ยนไป จำเป็นที่จะต้องรุกเข้าหาลูกค้า โดยเน้นที่การตลาดดิจิทัลมากยิ่งขึ้น บทความนี้ทาง Digital Break Time เลยจะมาแนะนำว่าธุรกิจ B2B ควรจะเริ่มจากเครื่องมือทำโฆษณา Digital Marketing ไหนก่อน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดจากเงินที่เราลงไป ซึ่งทางเรานำมาจากประสบการณ์จริงจากที่เราทำให้กับลูกค้า B2B อยู่นั่นเอง
ธุรกิจ B2B ทำ Digital Marketing อย่างไรดี เริ่มจากเครื่องมือไหนก่อน
ธุรกิจ B2B ทำ Digital Marketing เริ่มจาก Google Ads ส่วนที่เป็น Search Ads ก่อน

สิ่งที่เราแนะนำให้ทำก่อนนั่นคือ Search จากทาง Google Ads เนื่องจากว่าหลาย ๆ ธุรกิจ เมื่อเกิดปัญหา หรือต้องการ สินค้า บริการ หรือโซลูชันบางอย่าง ก็มักจะเกิดการค้นหาก่อนเป็นลำดับแรก ๆ และเมื่อ Google Search นั้นมี Market Share ในไทยที่ใหญ่มาก ๆ ก็ทำให้คุ้มค่ากำการลงทุนในเครื่องมือนี้ ซึ่งคนที่ค้นหาก็มักจะเป็นตัวเจ้าของบริษัทเอง โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก หรืออาจจะเป็นฝ่ายจัดซื้อในบริษัทนั้น ๆ เพื่อที่ต้องการจัดซื้อจัดจ้างบางอย่าง ตามที่ได้รับมอบหมาย
ดังนั้นเมื่อคนที่ค้นหาเรา มี Search Intent ที่ตรงกับธุรกิจของเราอยู่แล้ว แสดงว่าลูกค้ามีความต้องการสูงมาก ในการหาสินค้า บริการ หรือโซลูชัน ที่จะมาช่วยเรื่องธุรกิจ ทำให้มีโอกาสสูงมาก ที่จะปิดการขาย สร้างใบเสนอราคาและมีโอกาสที่จะเซ็นสัญญาสูง ดังนั้น เราต้องเองตัวเองไปอยู่ตรงนั้น และนี่คือคำตอบที่ใช้เป็นลำดดับแรก ๆ โดยเป็น Google Ads ที่เป็นแคมเปญ Search นั่นเอง
ส่วนการตั้งค่าของ Search ใน Google Ads แน่นอนว่าก็ต้องมีเว็บไซต์ให้เรียบร้อยก่อนเป็นลำดับแรก และเน้นส่วนที่เป็น Lead เพื่อหาคนที่จะติดต่อเราได้มากที่สุด พยายามทำ Form Submit เพื่อให้คนติอต่อเราง่าย ๆ และยังรวมไปถึงการเพิ่มปุ่ม Call to Action ต่าง ๆ ที่จะนำเราไปสู่การติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นการปุ่มเบอร์โทร ปุ่มการแอดไลน์ เพิ่มให้เกิด Conversion ได้ดี และอย่าลืมการแบ่งแคมเปญของ Google Ads ของ Search ให้เหมาะสมในแต่ละธุรกิจด้วย
การทำ SEO (Search Engine Optimization)

เรายังคงอยู่กับการ Search แต่คราวนี้จะเป็นส่วนของ Organic แล้ว เพราะถ้าเราใช้เงินกับ Google Ads ที่เป็น Search น้อยลง แน่นอนว่าจำนวน Conversion หรือคนที่ติดต่อเราก็จะน้อยลงตาม ซึ่งตรงส่วนที่เป็น SEO นี่แหละที่จะช่วยให้เราติดอันดับในหน้าต้น ๆ ของ Google Search ได้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินกับแพลตฟอร์มโดยตรง และตรงนี้มีส่วนที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาได้มากขึ้นด้วย
ซึ่งการทำ SEO นั้นจะเป็นส่วนที่ต้องทำหลายอย่างมาก โดยปกติจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
- On-Page SEO
คือการโฟกัสที่คอนเทนต์ และเป็นอะไรที่ปรับแต่งได้ง่ายในระดับหนึ่ง แต่ส่วนที่ทำยากจริง ๆ คือคอนเทนต์ ซึ่งต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง และคอนเทนต์ในภาพรวมของเว็บไซต์ว่าต้องทำคอนเทนต์อะไรบ้าง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของ ธุรกิจ B2B (ยกตัวอย่างของเว็บไซต์ Digital Break Time เอง แนวคอนเทนต์มักจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการขนาดเล็ก เพื่อให้ค้นหาเราเจอง่ายขึ้น) และยังมีดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ อื่นเพิ่มเติม เช่นการทำ Title, Meta Description, การใส่รูป และอื่น ๆ อีกยิบย่อย ซึ่งบอกไว้ก่อนว่าทาง Digital Break Time มีบริการทางด้าน SEO ที่จะช่วยให้คุณทำคอนเทนต์ในเว็บไซต์ได้อย่างมีคุณภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจ B2B ได้อีกด้วย - Off-Page SEO
ส่วนการทำ Off Page SEO นั้นจะเป็นอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์เราโดยตรง เช่นการได้รับ Backlinks สูงขึ้นจากเว็บไซต์อื่น ๆ ได้รับการอ้างอิง ทำให้ Domain Rating หรือ Domain Authority สูงขึ้น การที่แบรนด์มีชื่อเสียง ทำให้เกิดการรีวิวสินค้าหรือบริการ และมีคนค้นหาชื่อแบรนด์มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ควบคุมได้ค่อนข้างยากพอสมควร แต่ก็เรียกว่ามีผลต่อธุรกิจ B2B เสมอ ลองสังเกตว่าทำไมหลายเว็บไซต์ B2B มักจะใส่ ลูกค้าของเรา หรือ Testimonial เพิ่มรีวิว เพราะตรงนี้มีผลค่อนข้างมาก - Technical SEO
สุดท้ายเป็นเรื่องของเรื่องเทคนิค เช่นการทำให้เว็บไซต์โหลดได้อย่างรวดเร็ว, เว็บไซต์จะต้องเป็นแบบ Responsive, การทำ Site Map, ลดหน้า Error ในเว็บไซต์ ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานที่เข้ามาเว็บไซต์ได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับเว็บไซต์ B2B เช่นกัน
การทำ Facebook Ads ส่วนที่เป็น Lead และ Conversion
Facebook Ads ยังสามารถใช้งานได้ดีและมีประสิทธิภาพสูง การใช้งาน Facebook Lead Ads นั้นเหมาะมาก ๆ กับการทำธุรกิจแบบ B2B เนื่องจาก Instant Form ของ Facebook นั้นเราสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ สามารถใส่คำถามเพื่อคัดกรองคนที่น่าจะเป็นลูกค้าเพิ่มได้ เมื่อมีลูกค้ากรอกฟอร์มเราก็สามารถดาวน์โหลด และส่งต่อให้เซลล์เพื่อทำการติดต่อกลับได้ทันที หรือถ้าต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องมือ CRM ก็สามารถทำได้ไม่ยาก
ส่วนถ้าต้องการทำ Facebook Ads แบบ Conversion ก็จำเป็นที่จะต้องใช้งาน Meta Pixel (Facebook Pixel) ติดไว้กับเว็บไซต์ของเรา และกำหนดค่า Conversion ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย สุดท้ายคือทำการโฆษณาลงเว็บไซต์ เพื่อให้คนติดต่อกลับ ทั้งสองอย่างเราสามารถวัดผลได้ทั้งรูปแบบ จำนวน Lead/Conversion และ CPA ว่ามีราคาที่เท่าไร และสุดท้ายคือคุณภาพของคนที่ติดต่อมาใช่หรือไม่แค่ไหนนั่นเอง
สรุป ธุรกิจ B2B ทำ Digital Marketing อย่างไรดี เริ่มจากเครื่องมือไหนก่อน
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องมือที่เรานแนะนำให้ใช้มาก ๆ สำหรับธุรกิจ B2B ไม่ว่าจะเป็น Google Ads ที่เป็น Search, การทำ SEO โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์ และการทำ Facebook Ads เน้น Lead Conversion ทั้งหมดนี้แนะนำมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มทำ Digital Marketing เอง หรือต้องการจ้างก็ได้
ซึ่งถ้าธุรกิจ B2B ต้องการทำโฆษณา Digital Marketing ทาง Digital Break Time ก็สามารถให้บริการได้ โดยค่าบริการเหมาะสม สามารถวัดผลได้ สามารถติดต่อตามปุ่มด้านล่างนี้ได้เลย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time