ทำงาน Digital Marketing มืออาชีพ ควรเป็นอย่างไร ในหลาย ๆ สายงาน การทำงานอย่างเป็นมืออาชีพจะช่วยให้เราก้าวหน้าในอาชีพได้เร็วขึ้น ถ้าออกมาทำฟรีแลนซ์หรือทำธุรกิจเองก็จะได้รับความเชื่อใจสูงมาก ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนต้องการไปถึง
ต้องบอกเลยว่าคอนเทนต์นี้ เป็นคอนเทนต์ที่มาจากประสบการณ์โดยตรง ที่เริ่มทำงานในสาย Digital Marketing มานาน และเริ่มทำธุรกิจคนเดียวมาได้สักพักแล้ว เลยกลั่นกรองมาเป็นคอนเทนต์นี้ ซึ่งตัวเองนั้นได้ลองสอบถามลูกค้าของตัวเองว่าทำไมถึงเลือกเรา และทำงานกับเราต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งลูกค้าที่อยู่ด้วยกันนานที่สุด เรียกว่าทำกันมา 3 ปี ต่อเนื่องเรื่อยมา เลยเอามารวมกับการทำงานให้เป็นมืออาชีพ เลยทำคอนเทนต์มาให้อ่านและฟังกัน
ทำงาน Digital Marketing มืออาชีพ ควรจะเป็นอย่างไร
- เวลาเป็นเรื่องสำคัญ ตรงต่อเวลา ทั้งการส่งงาน การมีตติ้ง ทำให้เราดูน่าเชื่อถือ
- มอบหมายงานคุณภาพให้กับลูกค้า ทำให้เกินความคาดหวัง ไม่ต้องมาก แต่เกินความคาดหวังเล็กน้อยก็ยังดี
- บอกลูกค้าตรง ๆ อันไหนทำได้หรือทำไม่ได้ บอกเหตุผลประกอบ
- เรื่อง Relationship เป็นเรื่องสำคัญ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า Connection สำคัญมาก
- งานเรามีมูลค่า เปลี่ยนความสามารถของเราเป็นเงิน พยายามอย่าทำงานฟรี
- สรุป การ ทำงาน Digital Marketing มืออาชีพ ควรจะเป็นอย่างไร
เวลาเป็นเรื่องสำคัญ ตรงต่อเวลา ทั้งการส่งงาน การมีตติ้ง ทำให้เราดูน่าเชื่อถือ
จุดอ่อนของคนที่ทำฟรีแลนซ์หลายคนเจอคือ การที่ลูกค้ามักจะมองว่าฟรีแลนซ์มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าการทำงานประจำ หรือการจ้างบริษัทเอเจนซีโดยตรง เพราะฟรีแลนซ์ไม่ได้มีสัญญาผูกมัด หรืออาจกมากเป็น Contract ระยะสั้น กลัวว่าจะส่งงานทันไหม จะทิ้งงานเราไหม แต่ถ้าเราให้ความสำคัญกับเรื่องเวลาเป็นลำดับแรก เช่นส่งงานตรงเวลาเสมอ หรืออาจจะส่งก่อน การรันแคมเปญทำโฆษณาตามเวลาที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งเวลามีตติ้งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พยายามอย่าไปสาย ทั้งหมดนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเราทำงานตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา มีตติ้งไปถึงเวลาตามนัด เรียกได้ว่าจะเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากในสายาตาของลูกค้า
มอบหมายงานคุณภาพให้กับลูกค้า ทำให้เกินความคาดหวัง ไม่ต้องมาก แต่เกินความคาดหวังเล็กน้อยก็ยังดี
มาถึงเรื่องของคุณภาพกันบ้าง แน่นอนว่าในสายงาน Digital Marketing เรื่องของผลลัพธ์จะเป็นเรื่องที่กำหนดได้ยาก แต่บางอย่างก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Artwork คอนเทนต์ต่าง ๆ รวมไปถึงการทำโฆษณาในช่องทางต่าง ๆ ที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ถ้าเราใส่ใจตรงนี้ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว ซึ่งการส่งงานคุณภาพให้กับลูกค้าเป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่แล้ว เช่นถ้าคุณภาพของงาน 100% เราก็ควรจะส่งที่ 110% ให้เกินความคาดหวังของลูกค้า แน่นอนว่าลูกค้าที่ได้รับงานคุณภาพที่เกินความคาดหวัง มีหรือที่จะไม่จ้างเราต่อ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเป็นการทำ Search Ads ใน Google Ads บางคนอาจจะแค่ใส่ Headline กับ Description และ Url ก็สามารถลงโฆษณาได้แล้ว แต่ถ้าจะทำงานให้เกินความคาดหวัง ก็แน่นอนอาจจะต้องเติม Extension ส่วนขยายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sitelinks, Image, Structure Snippet, Call Out ฯลฯ เพื่อให้ Search Ads สมบูรณ์แบบมากขึ้น CTR สูงขึ้น Conversion Rate มากขึ้น ถึงแม้ลูกค้าจะไม่เห็นตรงนี้ แต่พอเวลาเราทำก็ได้กับตัวเราเอง และเราก็สามารถแจ้งลูกค้าได้ด้วยว่าเราทำอะไรมาบ้าง
อันนี้เป็นเหตุการณ์ส่วนตัวที่เกิดขึ้นกับลูกค้าเราเอง ก่อนหน้าที่จะมาเจอเราลูกค้าเจอประสบการณ์ไม่ดีกับการทำเว็บไซต์ ส่งงานช้า ไม่ตรงเวลา ทำงานนานมาก นานจนเกินไป เรียกว่าใช้เวลาหลายเดือนในการทำเว็บไซต์ที่ไม่กี่หน้า เป็นเว็บที่ไม่ได้ซับซ้อน ไม่ใช้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแต่อย่างใด ซึ่งพอทำเสร็จแล้วก็ไม่เป็นผลดีต่อ SEO อีก ค้นหาชื่อบริษัทก็ยังไม่เจอเว็บไซต์นี้ พอเรามาช่วยแก้ไขปัญหา เราเริ่มจากการทำเว็บใหม่เลย เพราะง่ายกว่าการแก้เว็บเก่า โคนงอะไรเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือรองรับการทำ SEO ด้วย ซึ่งเราทำงานค่อนข้างเร็วอยู่แล้ว ทั้งหมดเรียกว่าเสร็จภายใน 1 เดือน เว็บพร้อมใช้งาน ค้นหาชื่อบริษัทก็ติดในลำดับแรก ๆ เพียงแค่ 2 อาทิตย์หลังจากที่ทำเว็บเสร็จ ตอนนี้เรียกได้ว่าลูกค้าซื้อ Services เพิ่มขึ้นมาก เช่นทำหน้า Landing Page ทำโฆษณา Digital Marketing เพิ่ม รวมไปถึงการทำคอนเทนต์ลงในเว็บไซต์ เพื่อให้ Organic Traffic เติบโต ลูกค้าตอนนี้แฮปปี้มาก ๆ ได้ลูกค้าจากช่องทางเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บอกลูกค้าตรง ๆ อันไหนทำได้หรือทำไม่ได้ บอกเหตุผลประกอบ
การทำ Digital Marketing ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ก็ทำเลย จำเป็นต้องมีการวางแผน และมีข้อจำกัดต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจากประสบการณ์ บางอย่างก็ทำได้ บางอย่างก็ทำไม่ได้ ซึ่งแนะนำเลยว่ามีอะไรให้พูดกับลูกค้าตรง ๆ เพราะการไม่พูดหรือการปกปิด จะทำให้เกิดปัญหาภายหลังได้
อย่างเช่นการทำ Estimated Results ผลลัพธ์ของงาน เราก็อย่างมากประเมินไว้ได้คลิกเท่าไร CPC ประมาณที่เท่าไร แต่การที่จะมาการันตียอดขาย การันตี Lead เราบอกเลยว่าไม่สามารถทำให้ได้ และไม่ล่วงรู้อนาคต การทำ Estimated Results ที่ว่ามาก็คือการคาดการณ์เท่านั้น ไม่ใช่ KPI ที่เราต้องทำให้ถึง ถ้าลูกค้าเจ้าไหนที่จะให้เราทำให้ถึง KPI ก็จะปฏิเสธและไม่รับเลย แน่นอนว่าเราอยู่ในจุดที่เลือกได้แล้ว แต่บางคนอาจจะเลือกไม่ได้ หรือเลือกได้ยาก ก็ต้องอยู่ที่วิธีการต่อรอง และการคุยกันมากกว่า อย่าลืมว่าบอกเหตุผลประกอบด้วยก็จะทำให้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
เรื่อง Relationship เป็นเรื่องสำคัญ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า Connection สำคัญมาก
การทำ Digital Marketing ไม่ใช่แค่เรื่องของการตลาด หรือการใช้เครื่องมือเท่านั้น แต่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกค้าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญเหมือนกัน เราก็พูดกันตามตรงเลย ว่าการที่เรารู้จักคนเยอะ สนิทกับลูกค้าพอสมควร และทำผลงานได้ดี มีโอกาสสูงมาก ๆ ที่จะทำให้เราได้งานจากลูกค้าที่บอกต่อ ๆ กัน เพราะส่วนมากลูกค้าที่จ้างเรา ถ้าไม่ใช่เจ้าของกิจการขนาดเล็กโดยตรง ก็มักจะเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการจ้างฟรีแลนซ์อย่างหัวหน้าทีม Marketing ก็จะรู้จักคนที่ทำงานแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ อาจจะมีหลายธุรกิจ แน่นอนว่าก็มีแนวโน้มที่จะจ้างเราเพื่อให้เราดูแลโปรเจ็คอื่น ๆ ต่อไป
หรือบางทีการทำ Digital Marketing ความแตกต่างในด้านของผลลัพธ์ สำหรับคนที่ทำเป็นแล้ว ก็มักจะมีความแตกต่างกันไม่มากเท่าไร แต่ที่เป็นต่อเลยนั่นคือความสัมพันธ์ Relationship เรากับลูกค้าคุยกันถูกคอ รู้งานกันอยู่แล้ว การที่ลูกค้าจะเลิกจ้างเราก็เป็นไปได้ยากขึ้น ต่างจากการที่เรารับจ้างทำอย่างเดียว ไม่ได้โฟกัสที่เรื่องของความสัมพันธ์เลย
ดังนั้นนี่อาจจะเป็นวิธีการส่วนตัวที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่นการที่เรามักจะชอบไปมีตติ้งด้วยตัวเอง ทั้งก่อนที่จะเริ่มทำงาน รวมถึงตอนที่ไปนำเสนอรายเดือน เพราะการได้เจอกันมักจะเกิดความสัมพันธ์ที่ดีมากกว่าการนัดมีตติ้งออนไลน์ (ต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้เราทำได้เพราะเรารับลูกค้าจำนวนน้อยราย และเป็นการทำงานด้วยตัวเองเป็นหลัก แต่คุณทำบริษัทเอเจนซีและรับลูกค้าหลายเจ้า ก็จำเป็นต้องกระจายงานให้คนอื่น หรือลดค่าใช้จ่ายด้วยการมีตติ้งออนไลน์ก็ไม่แปลก)
งานเรามีมูลค่า เปลี่ยนความสามารถของเราเป็นเงิน พยายามอย่าทำงานฟรี
เราว่าการเป็นมืออาชีพนั่นคือ ต้องมีการคิดเงินหรือมีการแลกเปลี่ยน เนื่องจากงานที่เราทำนั้นมีค่า ความสามารถที่ได้มาจำเป็นต้องผ่านประสบการณ์มาเท่าไร รับลูกค้ามาแล้วกี่เจ้า เราเคยใช้เครื่องมืออะไรมากบ้าง จนเกิดความชำนาญในสิ่งที่ทำ แน่นอนว่างานเราสร้างคุณค่า มีค่า เราวัดมูลค่าของงานในปัจจุบันก็ด้วยเงินตรา (แน่นอนว่าอาจะแลกเปลี่ยนด้วยอย่างอื่นก็ได้) เพราะเมื่อเราทำงาน และได้สิ่งตอบแทนที่เราตกลงกันไว้ ในที่นี้ก็คือเงิน เราจะเกิดความภาคภูมิใจว่าตัวเราเองก็ทำได้ เราเองก็สามารถเปลี่ยนความสามารถของตัวเองเป็นเงินได้เหมือนกันนะ อีกทั้งเรายังสามารถเก็บเงินที่เราได้มากจากการทำงานไว้เป็นทุนเพื่อขยายบริษัท หรือเก็บไว้เป็นทุนที่ต้องใช้กับงานของเราก็ได้
การที่ทำงานฟรี เราคิดว่าเป็นการดูแคลนตัวเองไปหน่อย เมื่อเรามาถึงขนาดนี้ (แต่แน่นอนในขณะที่เราประสบการณ์ยังน้อย การที่จะคิดเงินก็เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องของราคาก็อาจจะไม่เท่าประสบการณ์ของตัวเองในปัจจุบัน) ทำให้เราเหนื่อยโดยไม่จำเป็น เราก็จะรู้สึกว่าเราทำงานไปเพื่ออะไร เงินก็ไม่ได้ และเราเชื่อว่า คนเราทำงานก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่จับต้องได้ ซึ่งในที่นี้ก็คือเงินนั่นเอง
สรุป การ ทำงาน Digital Marketing มืออาชีพ ควรจะเป็นอย่างไร
ทั้งหมดนี้เรียกว่าเป็นการกลั่นกรองจากที่ตัวเองได้ทำงานมาได้สักพัก ในช่วงเวลาที่ทำธุรกิจคนเดียว เลยอยากจะเป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำงานสายงาน Digital Marketing ไม่ว่าจะทำงานประจำ ทำงานฟรีแลนซ์ รับงานนอก หรือเพิ่งก่อตั้งการทำธุรกิจขึ้นมาเอง การทำงาน Digital Marketing แบบมืออาชีพ ควรจะเป็นบรรทัดฐาน เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ และเกิดความยั่งยืน ลูกค้าแฮปปี้ คนทำงานก็แฮปปี้เช่นกัน
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time