Metric ใน Shopee Adsทำโฆษณาควรจะดูอะไรบ้าง การทำโฆษณา Shopee Ads แน่นอนว่าหลายคนก็มักจะหวังว่าต้องการให้โฆษณาออกมาประสิทธิภาพดีที่สุด ซึ่ง Shopee Ads นั้นมีหลาย Metric ค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้หลายคนสับสนว่าเราควรจะดูอะไรดี ควรจะเรียงความสำคัญจากอะไรก่อน
โดยบทความนี้จะเริ่มเรียงจากสิ่งที่เราต้องดูในเบื้องต้น ในระดับกลาง ในระดับสูง ว่า Metric ไหนที่ควรจะต้องดูเป็นพิเศษ สำหรับ Shopee Ads ซึ่งต้องบอกก่อนว่าคอนเทนต์นี้เกิดจากการรวบความรู้ของตัวเองเท่านั้น ซึ่งในแต่ประเภทสินค้าและแต่ละธุรกิจอาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง มี Metric ที่ต้องดูแตกต่างกันออกไป แต่เรียกได้ว่าวิธีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกันได้ตามความเหมาะสม
Metric ใน Shopee Ads ทำโฆษณา ควรจะดูจากอะไรบ้าง
Metric ใน Shopee Ads ที่ควรดูในแบบเบื้องต้น พื้นฐาน

- Click / การคลิก
ก็ตรงตัวเลย คือจำนวนการคลิกโฆษณา ว่ามีจำนวนการคลิกเท่าไรในโฆษณา แน่นอนว่าการทำโฆษณา Shopee Ads เราจะโดนคิดเงินก็ต่อเมื่อเกิดการคลิกโฆษณา แน่นอนว่ายิ่งมีการคลิกมากเป็นสิ่งที่ดี เพราะเหมือนว่าเป็นหน้าต่างบานแรกที่ทำให้ก่อนที่คนจะซื้อคลิกเข้ามาก่อน แต่ก็ต้องเช็คดูดี ๆ ว่าที่คลิกเยอะนั้นราคาต่อคลิกถูก หรือว่าเราใช้งบเยอะกันแน่ - CPC / ราคาต่อคลิก
ต้องบอกว่า Metric แบบ CPC นั้น ไม่มีคอลัมน์ให้เลือก ใน Shopee Ads เราจำเป็นต้องคำนวณออกมาเอง สูตรคือ ค่าใช้จ่าย Expense / จำนวนคลิก Clicks = CPC ราคาต่อคลิก ซึ่งราคาต่อคลิกนั้น จะเป็นการส่งผลว่าเราจะได้จำนวนคลิกมากหรือน้อย โดยปกติราคาต่อคลิกจะมากหรือน้อยมักจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือราคา Bidding ถ้าเราปรับราคา Bidding ต่ำ ราคา CPC ก็จะน้อยลงตาม แต่ประสิทธิภาพของโฆษณาก็จะน้อยลง เช่น ลำดับที่โชว์จะอยู่ด้านล่าง ๆ หรือปรับต่ำมากเกินไป โฆษณาอาจจะไม่โชว์เลยก็ได้ - Impression / จำนวนครั้งในการโชว์โฆษณา
จำนวนครั้งของการโฆษณา จะมากหรือน้อยมักจะขึ้นอยู่กับประเภทของการโฆษณาและจำนวนเงิน Budget เป็นหลัก เช่นโฆษณาแบบ Search จะมี Impression น้อยกว่าแบบ Discovery เนื่องจากว่าคนที่ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดมีจำนวนจำกัดและมีจำนวนน้อย ต่างจาก Discovery ที่เป็นโฆษณาแบบกระจายไปหาคนอื่นก่อน แสดงในหน้า Home ในหน้าสินค้าแนะนำอื่น ๆ ก็อย่าแปลกในว่าทำไมจำนวนการโชว์ถึงได้แตกต่างกัน ถึงจะใช้งบเท่ากัน แต่คนละประเภทโฆษณาก็ตาม - CTR (Click Through Rate) / อัตราการคลิกโฆษณา
อัตราการคลิกโฆษณามีสูตรคำนวณจาก [(คลิก Clicks / จำนวนครั้งในการโชว์โฆษณา Impression)*100] = CTR อัตราการคลิกโฆษณา ซึ่งหน่วยจะเป็น % อัตราการคลิกโฆษณาที่แสดงนั้น จะหมายถึงโฆษณาที่เราทำไปนั้นมีความน่าสนใจเพียงใด เพราะถ้า CTR สูง นั่นหมายถึง สินค้าเราน่าสนใจ การใช้คำค้นหาคีย์เวิร์ดตรงกับสินค้า หรือราคาที่แสดง รูปที่โชว์น่าดึงดูด แต่ก็ต้องสังเกตด้วยว่า โฆษณาแบบ Search นั้นจะมี CTR โดยเฉลี่ยสูงกว่าแบบ Discovery และ Boosts เนื่องจาก ทั้งสองแบบหลัง จะมีการโฆษณาที่เน้นกระจายไปหาคนอื่นก่อน จะเกิด Impression สูง CTR ที่ได้มามักจะน้อยกว่าแบบ Search นั่นเอง
Metric ที่ควรดูในระดับขั้นกลาง

- GMV (Gross Merchandise Volume) / รายได้
อันนี้คือรายได้ที่เราขายสินค้าได้นั่นเอง ซึ่ง GMV ที่ได้มาใน Shopee Ads คือรายได้ที่เกิดจากการทำโฆษณา เพราะรายได้จากช่องทางอื่น ๆ จะไม่ปรากฏบน Shopee Ads (รายได้จากช่องทางอื่น ๆ ต้องดูที่ Data > Business Insight) ซึ่งรายได้ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นรายได้โดยรวมที่เกิดจากโฆษณานั้น ๆ ทั้งโดยตรงแล้วโดยอ้อม ยกตัวอย่างเช่น ร้านของเราขายสินค้า A ราคา 1,000 บาท / สินค้า B ราคา 300 บาท และเราทำโฆษณาสินค้า A เพียงอย่างเดียว ถ้ามีคนกดคลิกโฆษณาสินค้า A และซื้อสินค้าทั้ง A และ B อย่างละ 1 ชิ้น ในรีพอร์ตก็แสดงให้เห็น GMV ที่มาจากโฆษณาคือ 1,300 บาท นั่นเอง ถึงแม้สินค้า B จะไม่ได้ทำโฆษณาเลยก็ตาม แต่ถือว่าคนคลิกโฆษณาจากสินค้า A และยังซื้อสินค้า B ด้วย เลยทำให้ GMV ตรงนี้ถูกนับรวมทั้งสินค้า A และ B นั่นเอง
- Conversion / การสั่งซื้อ
จริง ๆ แล้ว Conversion มีหลายความหมาย แต่ใน Shopee จะหมายถึงจำนวนการสั่งซื้อ ซึ่งนับเป็นออเดอร์ โดย Order นี้ไม่ได้นับเป็นจำนวนชิ้น (ถ้าจะนับเป็นจำนวนชิ้น ต้องดูที่ Items Sold) เช่น ร้านเราขายสินค้า A และ B โดยคนคลิกโฆษณาเข้ามาที่สินค้า A และสั่งซื้อสินค้า A จำนวน 2 ชิ้น ซื้อสินค้า B จำนวน 1 ชิ้น Conversion ตรงนี้จะนับเป็น 1 Conversion (แต่ Items Sold คือ 3 ชิ้น) น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น - Conversion Rate / อัตราการสั่งซื้อ
มีสูตรการคำนวณ นั่นคือ (Conversion คอนเวอร์ชัน / Click จำนวนคลิก)*100 = Conversion Rate อัตราการสั่งซื้อ จะได้ทราบว่าคนที่คลิกเข้ามาเกิดออเดอร์การสั่งซื้อ นับเป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้า Conversion Rate สูงนั่นหมายความว่า สินค้าเราดึงดูดใจให้ซื้อมาก ไม่ว่าจะเป็นการมีคูปองส่วนลด การมีดีลให้ซื้อเพิ่ม ยิ่งซื้อยิ่งลด การเข้าร่วมแคมเปญของ Shopee เอง การตั้งราคา มีรีวิวในแง่บวกและมีจำนวนมากพอ สิ่งเหล่านี้มีผลอย่างยิ่งที่จะทำให้ Conversion Rate สูงด้วย - ROAS (Return on Ad Spending) / ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา
มีสูตรง่าย ๆ นั่นคือ GMV รายได้/Expense ค่าใช้จ่าย = ROAS ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา แน่นอนว่าตัวเลขยิ่งสูงคือยิ่งดี หมายความว่าเราใช้เงินค่าโฆษณาน้อย แต่ได้ผลตอบแทนที่สูง ยกตัวอย่าง ใช้เงินค่าโฆษณา 200 บาท ขายสินค้าได้ 1,000 บาท ในกรณีนี้ ROAS=5 นั่นเอง แต่ว่าบอกก่อน หลายคนถามกันมาว่า ROAS เท่าไรล่ะที่เรียกว่าดี บอกเลยว่าไม่มีเลขตายตัว เพราะแต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกัน การตั้งราคาก็ต่างกัน กำไรสินค้าก็ไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นสินค้าเดียวกัน ราคาเดียว แต่ขายกันคนละร้าน เช่นร้านทางการ กับร้านทั่วไป ROAS ก็ยากที่จะเท่ากัน ดังนั้น ไม่สามารถบอกได้เลยว่า ROAS เท่าไรถึงจะดี ต้องลองทำดูก่อน ว่าโดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร และจะทำเพิ่มได้ดีแค่ไหน
- ACOS (Advertising Cost of Sales) / อัตราส่วนค่าโฆษณาต่อรายได้
มีสูตรคือ(Expense ค่าใช้จ่าย / GMV รายได้)*100 = ACOS อัตราส่วนค่าโฆษณาต่อรายได้ จริง ๆ อันนี้คล้ายกับ ROAS แต่เปลี่ยนวิธีการคิดเท่านั้น ACOS จะบอกเราว่าค่าโฆษณาเมื่อเทียบกับรายได้ที่เราได้มา คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าถ้าเลขยิ่งต่ำ หมายความว่าโฆษณาของเรามีประสิทธิภาพสูง เพราะใช้เงินน้อยแต่ได้ Return ที่เป็น GMV เยอะนั่นเอง
Metric ใน Shopee Ads ที่ควรดูในระดับสูง

- Direct GMV (Direct Gross Merchandise Volume) / รายได้ทางตรง
คราวนี้มากับรายได้ทางตรง จริง ๆ จะมีความแตกต่างกับ GMV ปกติ นั่นคือ Direct GMV รายได้ทางตรงจะนับจากสินค้าที่เราโฆษณาเท่านั้น ไม่นับสินค้าอื่น ถ้ามีการซื้อพ่วงหรือซื้อไม่ได้ตรงตามสินค้าโฆษณา Direct GMV จะไม่นับตรงนี้ให้ เช่น ร้านเราขายสินค้า A ราคา 1,000 บาท และสินค้า B ราคา 300 บาท ซึ่งเราทำโฆษณาเฉพาะสินค้า A เท่านั้น โดยคนซื้อคลิกมาจากโฆษณาสินค้า A ซึ่งซื้อทั้งสินค้า A และ B อย่างละ 1 ชิ้น นั่นหมายความว่า GMV = 1,300 บาท แต่ถ้าเป็น Direct GMV จะนับที่ 1,000 บาท เท่านั้น - Direct ROAS (Direct Return on Ad Spending) / ผลตอบแทนจากค่าโฆษณาทางตรง
วิธีคิดคล้ายกัน มีสูตร Direct GMV รายได้/Expense ค่าใช้จ่าย = Direct ROAS ผลตอบแทนจากค่าโฆษณาทางตรง นั่นคือต้องมาจากสินค้าที่เราโฆษณาเท่านั้น ไม่นับสินค้าอื่น ๆ ดังนั้นจะเห็นว่า Direct ROAS มักจะมีค่าต่ำกว่า ROAS ถ้ามีการซื้อสินค้าพ่วง หรืออาจจะไม่มี Direct ROAS เลยก็ได้ เนื่องจากถ้าเราทำโฆษณาสินค้า A คลิกที่สินค้า A แต่ซื้อสินค้า B อย่างเดียวที่เราไม่ได้ทำโฆษณา ถ้าเป็นกรณีนี้ Direct ROAS ก็จะไม่มีตัวเลขขึ้น หรือเป็นศูนย์ได้ - Direct ACOS (Direct Advertising Cost of Sales) / อัตราส่วนค่าโฆษณาต่อรายได้ทางตรง
สูตรคำนวณคือ (Expense ค่าใช้จ่าย / Direct GMV รายได้ทางตรง)*100 = Direct ACOS อัตราส่วนค่าโฆษณาต่อรายได้ทางตรง เรียกว่าทำให้เราเห็นผลลัพธ์โฆษณาแบบโดยตรงเลยว่าใช้มากแค่ไหน
สรุป Metric ใน Shopee Ads ทำโฆษณา ควรจะดูอะไรบ้าง
จริง ๆ แล้วถ้าจะให้ดูควรจะดูที่ในระดับถึงขั้นเบื้องต้นและขั้นกลางก็เพียงพอ เพราะในแต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกันออกไป สิ่งที่สำคัญคือเมื่อเราวัดค่า Metric ต่าง ๆ แล้ว เราจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เพื่อให้ตัวเลขเหล่านี้ดีขึ้น ซึ่งต้องเกิดจากการสังเกตเป็นพื้นฐาน จากนั้นก็เริ่มทำการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายงบ ปรับ Bidding เปลี่ยนคีย์เวิร์ด ฯลฯ แล้วก็รอดูผลลัพธ์อีกครั้ง เพื่อให้ค่า Metric ต่าง ๆ ดีขึ้น ขายสินค้าได้มากขึ้น หวังว่าคอนเทนต์นี้จะช่วยนำทางให้ใช้งาน Shopee Ads ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time