ทำคอนเทนต์ ไว้จำนวนมาก ๆ โดยเฉพาะงานเขียน ซึ่งบางทีก็อยากจะนำคอนเทนต์นั้นมาต่อยอด หรือมารียูส เพื่อให้คนอ่านและเสพคอนเทนต์นั้นมากขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร Digital Break Time เลยมาแนะนำกัน
เอาคอนเทนต์เดิม มาเล่นกับกระแสในขณะนั้น ปรับเปลี่ยนพาดหัวให้น่าสนใจ
คอนเทนต์บางอย่างมีเวลาของมัน เคยเห็นกันบ้างหรือไม่ว่าหลายครั้งมีเพจผลิตคอนเทนต์ที่ดูเป็น Real Time Marketing มาก เอาเวลาที่ไหนมาทำหรือมาคิด หรือทำไมทำได้อย่างรวดเร็ว (แน่นอนว่าถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ๆ มักจะมีทีมภายในที่ผลิตคอนเทนต์แบบนี้โดยเฉพาะ) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีการนำคอนเทนต์เก่ากลับมาปัดฝุ่นใหม่ ให้ดูสดใส พร้อมรับกับกระแสในขณะนั้น
โดยการนำคอนเทนต์เก่า ปรับพาดหัวให้เข้ากับกระแส ณ ตอนนั้น อาจมีการทำรูปใหม่สักเล็กน้อย แต่ไม่ต้องถึงขนาดรีไรท์เพื่อเขียนใหม่ แล้วนำไปเผยแพร่บน Social Media อย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าเรามีฐานแฟน ๆ อยู่แล้ว และคอนเทนต์ออกมาดีพร้อมด้วย Real Time Marketing ก็จะเหมือนการจุดประกายไฟ ทำให้คอนเทนต์นั้นลุกลามและเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็วทันที
ทำ Infographic ให้ดูสดใหม่ เข้าใจง่าย ไว้เผยแพร่ประกอบ เข้าถึงได้หลายแพลตฟอร์ม
อีกหนึ่งวิธีที่ชุบชีวิตคอนเทนต์กลับขึ้นมาใช้ใหม่ และได้ผลดีด้วยนั่นคือ การทำอินโฟกราฟิก (Infographic) ซึ่งการทำอินโฟกราฟิกเหมาะกับข้อมูลที่มีจำนวนมาก ๆ จำเป็นที่จะต้องสรุปให้คนที่เสพคอนเทนต์ สามารถเข้าใจได้โดยง่าย โดยดึงข้อมูลบางส่วนมานำเสนอ ในรูปแบบรูปภาพและข้อความที่สรุปมา เพื่อให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ข้อดีอีกอย่างของ Infographic คือการเข้ากันได้กับหลายแพลตฟอร์มใน Social Media ต่างจากคอนเทนต์ในรูปแบบข้อความที่บางอย่างมีข้อจำกัดเช่น ไม่เหมาะกับ Twitter และ Instagram จำเป็นอย่างมากเพื่อลงในเว็บไซต์ และเผยแพร่ด้วยลิงก์แทน แต่ Infographic ไม่มีข้อจำกัดนั้น
คอนเทนต์ที่เราควรจะเลือกมาทำ Infographic คือคอนเทนต์ที่ประกอบด้วยตัวเลข ข้อมูลจำนวนมาก แต่ต้องไม่ล้าหลัง ข้อมูลยังสดใหม่อยู่ จะช่วยให้ผลการตอบรับของการทำ Infographic ดีขึ้น
ทำคอนเทนต์ ต่อยอดในรูปแบบวิดีโอ หรือ Podcast
ถ้าคุณมีทรัพยากรพร้อม คอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอหรือ Podcast ก็น่าสนใจมาก ถ้ายังไม่มีทีมโปรดักชันแบบยิ่งใหญ่ อาจลองเริ่มจาก Podcast ก่อนก็ได้ คอนเทนต์ที่เหมาะกับพอดแคสต์ เช่นการเล่าเรื่อง คอนเทนต์ที่ให้ความรู้ทั้งในเชิงวิเคราะห์และความคิดเห็น การสัมภาษณ์ต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งถ้าเรามีคอนเทนต์จำพวกงานเขียนอยู่แล้ว เพียงแค่มารีไรต์ให้กลายเป็นสคริปต์ และเริ่มอัดพอดแคสต์ได้เลย ง่ายที่สุดก็จากมือถือของคุณ ถ้าผลตอบรับดี ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คุณจะลงทุนซื้ออุปกรณ์เพื่อทำพอดแคสต์โดยเฉพาะ
ส่วนวิดีโอนั้นทำได้ยากกว่า และลงทุนสูงกว่า เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์ในการถ่ายทำวิดีโอ และการตัดต่อ ต้องมีทักษะที่จำเป็นด้วย ก็สามารถนำคอนเทนต์ที่เราเขียนมาต่อยอดในรูปแบบวิดีโอได้ เช่นการนำเสนอโดยมาเป็นรีวิว หรือเป็นพวก How to ก็ทำได้ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของคอนเทนต์ด้วย
การทำคอนเทนต์เฉพาะงานเขียนในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำคอนเทนต์หลายรูปแบบ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนมากขึ้นด้วย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามข่าวสาร บทความดี ๆ จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time