โฆษณา eCommerce สำหรับการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีหลายแบบมาก โดยเฉพาะการโฆษณาบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังในไทย ไม่ว่าจะเป็น Shopee และ Lazada ต่างก็มีระบบโฆษณาเป็นของตัวเอง โดยสามารถแยกออกมาเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้สองแบบนั่นคือ Search Ads และ Discovery Ads
แต่การโฆษณาแค่บนแพลตฟอร์มของทั้ง 2 เจ้านี้จะพอไหม หลายคนสอบถามเข้ามา เลยมาเขียนอธิบายว่าควรทำโฆษณาหรือใช้เครื่องมือไหนเพิ่มเติม เพื่อกระจายงบประมาณ วางแผนแบบไหน เครื่องมือไหนควรจะเป็นตัวเสริม ที่ทำให้ขายดีขึ้นได้บ้าง ทาง Digital Break Time เลยจะมาแชร์สิ่งที่เราเสนอกับลูกค้าให้จากประสบการณ์จริง
โฆษณา eCommerce นอกเหนือจาก Shopee Ads และ Lazada Ads ควรทำ Ads อะไรเพิ่มเติม
- Affiliate Ads โฆษณา eCommerce ผ่านตัวแทน จ่ายค่าคอมมิชชันเมื่อขายได้เท่านั้น
- Facebook CPAS, CPAS Ads ยกแคตาล็อกบุก Meta ช่วยกระจายช่องทางให้มากขึ้น
- Google Ads – Performance Max ช่วยเพิ่ม Traffic และเชื่อมต่อแคตาล็อกได้ด้วย
- ทำเว็บไซต์ eCommerce เพื่อขายสินค้าของตัวเอง
- สรุป โฆษณา eCommerce นอกเหนือจาก Shopee Ads และ Lazada Ads ควรทำ Ads อะไรเพิ่มเติม
Affiliate Ads โฆษณา eCommerce ผ่านตัวแทน จ่ายค่าคอมมิชชันเมื่อขายได้เท่านั้น

Affiliate Ads คือโฆษณาผ่านตัวแทน โดยผ่านการ Tracking ที่ใช้ลิงก์พิเศษ ซึ่งใน eCommerce Platform ใหญ่ในไทยอย่าง Shopee และ Lazada สามารถทำ Affiliate Ads ได้ภายในแพลตฟอร์มของทั้ง 2 Platform ได้เลย โดย Shopee เข้าไปที่ Seller Center > Marketing Center > Affiliate Marketing Solution ส่วนของ Lazada นั้นไปที่ Seller Center > Marketing Center > Sponsor Solution > Sponsored Affiliate
ต้องบอกหลักการทำงานของ Affiliate Ads ก่อน คือ
- เราต้องเป็นคนกำหนดราคา Affiliate ก่อนว่าจะจ่ายให้กี่ % ของราคาสินค้าที่ขายได้
ซึ่งเราสามารถกำหนดได้เองว่าจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ (บางแพลตฟอร์มมีกำหนดขั้นต่ำ) กำหนดแบบทั้งร้านค้า หรือเลือกเฉพาะบางสินค้าก็ได้ กำหนดระยะเวลาได้ด้วย แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ถ้าเราให้ค่าคอมมิชชันต่ำเกินไป เหล่า Influencer, KOL ที่นำลิงก์ไปแชร์ ก็จะน้อย เพราะปกติก็มักจะเลือกจากค่าคอมมิชชันที่สูง ๆ กันอยู่แล้วนั่นเอง - KOL, Influencer หรือบุคคลทั่วไป นำลิงก์ไปโปรโมท จะจ่ายค่าคอมมิชชันเมื่อขายได้เท่านั้น
ความพิเศษของการทำ Affiliate Ads คือต้องเกิดการซื้อจริงเท่านั้น เราถึงจะจ่ายค่าคอมมิชชันได้ เรียกได้ว่าค่อนข้างแฟร์ และดีมาก ถ้ามีแค่การกดลิงก์อย่างเดียว แต่ไม่มีการซื้อก็ไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชัน เพราะนี่คือ Pay per Sale ซึ่งจะแตกต่างการจ้าง Influencer หรือ KOL เองที่จะเป็นแบบ Pay per Post ไม่ว่าโพสต์นั้นจะขายได้หรือไม่ก็ตาม - เช็ครีพอร์ต Report ได้ว่า Affiliate Ads สามารถขายได้กี่ชิ้นแล้ว ค่าคอมมิชชันเท่าไร และ ROAS เป็นอย่างไร
เมื่อเกิดการซื้อขายกันผ่านลิงก์ Affiliate สินค้าร้านของเราที่เราตั้งค่าคอมมิชชันไว้ ก็จะมีรีพอร์ตสรุปว่าระยะเวลาที่เราเลือกไว้มีการขายสินค้าได้เท่าไร ขายสินค้าอะไรออกไปบ้าง ค่าคอมมิชชันเท่าไร และ ROAS/ROI เป็นอย่างไร แอบบอกว่า ROAS ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าด้วย เอาเป็นว่า ROAS สูงกว่าหลายช่องทางมาก ๆ
Facebook CPAS, CPAS Ads ยกแคตาล็อกบุก Meta ช่วยกระจายช่องทางให้มากขึ้น

Collaborative Ads หรือที่รู้จักในนาม CPAS Ads เป็น โฆษณา eCommerce รูปแบบหนึ่ง ซึ่งนิยมใช้งานกันมากบน Facebook, Instagram เนื่องจากทาง Meta เองครอบคลุมการทำโฆษณาในรูปแบบนี้ก่อนใคร เพราะสามารถเชื่อมต่อกับร้านค้าใน eCommerce Platform ทั้งสองเจ้าได้ทั้ง Shopee และ Lazada เพื่อดึงแคตตาล็อกสินค้ามาโฆษณาบน Meta ได้เลย ในรูปแบบ Objective ของ Catalogue Sales
ซึ่งเราสามารถ Custom จัดเซ็ตสินค้าที่เราต้องการโฆษณาได้ อีกทั้งยังดึงค่า Conversion ของทาง Shopee และ Lazada มาได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Add to Cart, Add to Cart Value, Purchase และ Purchase Value ซึ่งต้องบอกตามตรงเลยว่า ถ้าเป็นการทำแบบ Remarketing จากคนที่เคยซื้อสินค้าเราเป็นประจำอยู่แล้ว ROAS ออกมาทำได้น่าประทับใจ และเราสามารถเลือกกลุ่ม Targeting แบบ Mass ได้ด้วย จากทาง Facebook เลย เพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ ส่วนการทำ Remarketing สามารถใช้กลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าไปดูสินค้า Add to Cart หรือ ซื้อก็ได้เช่นกัน
Google Ads – Performance Max ช่วยเพิ่ม Traffic และเชื่อมต่อแคตาล็อกได้ด้วย
จริง ๆ แล้ว Google Ads มีพัฒนาการด้านของการทำโฆษณาในรูปแบบ eCommerce มาตลอด ตั้งแต่เริ่มจาก Shopping Campaign > Smart Shopping > Performance Max for Shopping ซึ่งตัว Performance Max จะช่วยรีดประสิทธิภาพของการทำ โฆษณา eCommerce กระจายไปยัง Placement ที่ Google มีเกือบทั้งหมด ไม่ใช่แค่เฉพาะบน Google Search อีกต่อไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดตามที่เราตั้งค่าไว้ ไม่ว่าจะเป็นให้ได้ Conversion, Conversion Value หรือจะ Bidding อย่างอื่น เช่น Target ROAS, Target CPA ก็ทำได้เช่นกัน
ซึ่งการดึง Feed แคตตาล็อกก็สามารถเชื่อมต่อ Shopee, Lazada ของร้านค้าเราได้เช่นกัน สามารถดึงสินค้าของเรามาโฆษณาได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ Shopee จะสามารถรู้ถึงการสั่งซื้อ Purchase ได้เลย ส่วนของ Lazada นั้น Conversion ยังไม่แสดง (แต่แอบบอกไว้ก่อนว่า เร็ว ๆ นี้มาแน่นอน)
ทำเว็บไซต์ eCommerce เพื่อขายสินค้าของตัวเอง
จะดีกว่าไหมที่ขายของบนเว็บไซต์ของตัวเอง เพราะว่าไม่ต้องจ่ายคอมมิชชัน ไม่ต้องโดนหัก ได้รับเงินเต็ม ๆ สำหรับใครที่ค้าขายบนแพลตฟอร์ม eCommerce มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และยิ่งขายดี จะรู้เลยว่าค่าคอมมิชชันที่ต้องจ่ายให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนั้นค่อนข้างสูง ในอนาคตก็อาจจะมีการปรับขึ้นได้อีก ซึ่งถ้าเราเอาแต่พึ่งพาแพลตฟอร์มเหล่านี้ต่อไปเป็นเสาหลักคิดว่าน่าจะยาก
แต่ถ้าเรากลับมาสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองจะดีกว่าไหม (เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ) ซึ่งการสร้างเว็บไซต์ eCommerce ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงมากในช่วงแรก และยังต้องสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับแบรนด์ อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ทางอ้อม ถ้าบนเว็บไซต์ขายดีมาก ก็จะช่วยลดภาระการจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับ eCommerce Platform ได้อีก
และยังมีอีกหนึ่งอย่างคือการที่เราขายบนแพลตฟอร์ม eCommerce แน่นอนก็ต้องมีกฎระเบียบ การจ่ายเงินต่าง ๆ แต่ถ้าเป็นเว็บไซต์ของเราเอง ก็สามารถลดกฎระเบียบของเราได้เอง จะปรับลดราคาเมื่อไรก็ได้ จะใช้รูปหน้าปกเป็นอย่างไร ใช้ Payment Gateway ของเจ้าไหนที่จะได้เงินเร็วขึ้น การขนส่งเราสามารถบริหารได้เองเกือบจะทั้งหมด ทำให้เว็บไซต์ของเรามีความยืดหยุ่นสูงมาก อีกทั้งการทำ โฆษณา eCommerce ก็ทำได้ไม่ต่างจากการทำบน Platform อื่นเลย
สรุป โฆษณา eCommerce นอกเหนือจาก Shopee Ads และ Lazada Ads ควรทำ Ads อะไรเพิ่มเติม
ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางสำหรับคนที่ขายของบนแพลตฟอร์ม eCommerce โดยเฉพาะคนที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ช่วย โฆษณา eCommerce ทำให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจาก Shopee Ads และ Lazada Ads ที่คนขายของบนแพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะใช้เป็นประจำอยู่แล้ว อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสที่จะหาลูกค้าใหม่ ๆ ให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ อีกด้วย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time