SEO กับ SEM ทำแบบไหนดีกว่ากัน เป็นคำถามที่มักจะเจออยู่บ่อยๆ สำหรับคนที่กำลังเริ่มทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งคำตอบมันง่ายอยู่นิดเดียว ถ้าคุณรู้จักและรับรู้ถึงความสามารถของมันว่า… ระหว่าง SEO กับ SEM มันมีความแตกต่างกันอย่างไร? และหลายคนมักจะสับสนระหว่างสองคำนี้
SEO คืออะไร?

Search Engine Optimization หรือที่เราเรียกรู้จักและเรียกกันว่า SEO โดยจะเป็นการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งองค์ประกอบหลักๆ ของการทำจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปติดอันดับต้นๆ ในหน้า Google Search Result เพื่อเพิ่มโอกาสทำให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น! อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว Traffic ที่ได้จะเรียกว่า Organic search พูดง่ายๆ ก็คือ..การเข้าเว็บไซต์ของคุณโดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินโฆษณา
SEM คืออะไร?

Search Engine Marketing หรือที่เราเรียกกันว่า SEM จะเป็นการทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปติดอยู่ที่หน้าแรกของการค้นหา โดยการทำโฆษณา ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Google Ads เรียกการทำโฆษณาแบบนี้ว่า.. Google Search ซึ่งองค์ประกอบจะเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่คุณใช้ เวลาที่มีการค้นหาข้อมูลที่ใกล้เคียงหรือเป็น Keyword ที่คุณซื้อไว้ ก็จะทำให้บุคคลเหล่านั้นเห็นโฆษณาของคุณ แต่…ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้แปลว่าคุณซื้อโฆษณาเสียเงินแล้ว เว็บไซต์ของคุณจะขึ้นอยู่หน้าแรกหรืออันดับต้นๆ ของ Google เสมอไป ถ้าหาก Keyword ที่เลือกใช้นั้นมีคู่แข่งมาก ก็จะทำให้เกิดการประมูลเพื่อแสดงโชว์โฆษณา หรือที่เรียกว่า Bidding เข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งอาจจะทำให้โฆษณาของคุณไม่ถูกโชว์ขึ้นในหน้าแรกของ Google หรือว่าโชว์แต่อาจจะตกไปอยู่ลำดับที่ต่ำกว่า หรืออยู่ในหน้าถัดไป ขึ้นอยู่กับว่า CPC ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นมีราคาสูงมากแค่ไหน ถ้าคุณจ่ายไหว จ่ายได้มากกว่าคู่แข่ง ก็จะทำให้คุณแสดงโฆษณาในตำแหน่งที่ดีกว่านั่นเอง Traffic ที่ได้มาจะเรียกว่า Paid search เป็นการเสียเงินเพื่อโฆษณา
แล้วทำไมถึงต้องทำเจ้าสองตัวนี้?
Search Engine Result Page หรือที่เรารู้จักและเรียกกันว่าหน้า Google Search Result เป็นหน้าที่แสดงผลการค้นหาข้อมูลใน Google เวลาที่เราพิมพ์ค้นหาข้อมูล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสนามรบที่สำคัญของนักการตลาดออนไลน์เลยทีเดียว
หลายๆ คนที่ทำเกี่ยวกับ Digital Marketing ต่างก็อยากให้ Website ของตัวเองขึ้นไปติดอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา เพื่อที่เวลามีการค้นหาข้อมูลจะได้เจอเว็บไซต์ของตัวเอง เพราะในแต่ละวันมีคนค้นหาข้อมูลบน Google มากกว่าพันล้านครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลเพื่อซื้อสินค้า หาร้านอาหาร อ่านรีวิว หาสถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่การสมัครงาน เว็บไซต์ที่แสดงเป็นอันดับต้นๆ ของ Google ก็มักจะได้ผู้เข้าชมจำนวนมหาศาลเข้าไป ยิ่งทำให้คนเห็น ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสถูกคลิกได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณสามารถต่อยอดในการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมากมาย
สรุปแล้ว SEO กับ SEM ทำแบบไหนดีกว่ากัน
จากที่ได้อธิบายคร่าวๆ ข้างต้นเกี่ยวกับความแตกต่างของ SEO และ SEM ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะบอกว่าแบบไหนดีกว่ากัน “ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์” และแผนในการทำการตลาดของคุณเป็นอย่างไร ข้อดีของการทำ SEO คือ คุณไม่ต้องเสียเงิน(ถ้าไม่ได้จ้างใครทำ) แต่ระยะเวลาที่กว่าจะทำให้ติดหน้า Google ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เว้นแต่… Keyword ที่คุณใช้มีคู่แข่งน้อยและกำลังเป็นกระแส ก็จะทำให้ติดได้เร็วขึ้น แต่ SEM สามารถขึ้นโชว์ในหน้าของการค้นหาได้ทันที เมื่อคุณเริ่มรันแคมเปญ สุดท้ายแล้วการทำสองอย่างควบคู่กันไปได้ ก็จะเป็นการดีที่สุด เพราะการทำโฆษณาถ้าเราหยุดรัน มันก็จะไม่โชว์
ส่วนวิธี Optimize ระหว่าง SEO และ SEM สามารถทำอย่างไรได้บ้าง…รอติดตามได้ในบทความต่อไป
จงลงมือทำ… เพื่อให้เห็นข้อผิดพลาด!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่มากก็น้อย และถ้าใครมีเรื่องต้องการจะปรึกษาก็สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กของแอดมินเลย ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าหากเราช่วยคุณได้ เราจะช่วยคุณให้เต็มที่
เพื่อไม่ให้คุณพลาดกับการอัปเดตข้อมูลจากเรา สามารถติดตามข่าวสารช่องทางต่างๆ
ของ Digital Break Time ได้ที่ Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram
ใครมีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรืออยากรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไร สามารถสอบถามได้ที่
Facebook: Aphikiat T. Ex (เอ็กซ์)
Email: aphikiat.t@gmail.com
อภิเกียรติ เตชะจารุพันธ์ x Digital Break Time :’)