Line Tag คืออะไร Line Tag คือโค้ดชนิดหนึ่งของ Line มีไว้สำหรับติดตั้งบนเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อใช้ในการติดตามผู้ที่เข้าใช้งานเว็บไซต์ และวัดผลในรูปแบบ Conversion ของเว็บไซต์ที่ติดตั้ง Line Tag รวมไปถึงการใช้งานกลุ่มเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อย่างคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ สำหรับคนที่เคยใช้งาน Facebook Pixel มาแล้ว Line Tag ก็มีความคล้ายคลึง Facebook Pixel อยู่ไม่น้อย
อ่านหัวข้อที่ต้องการ
Line Tag คืออะไร ประโยชน์ของ Line Tag ?
- สำหรับสร้างกลุ้มเป้ายหมายใหม่ ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
เช่นกลุ่มเป้าหมายคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของเราในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มคนที่เคยมี Action บางอย่างที่เฉพาะเจาะจง เช่นคนที่เคยซื้อสินค้าของเรา คนที่เคยสมัครสมาชิก ฯลฯ - วัดผลลัพธ์ในรูปแบบ Conversion
การวัดผลลัพธ์ในรูปแบบ Conversion คือการนับการกระทำบางอย่างที่มีคุณค่ามากกว่าแค่ เพิ่มเพื่อน คลิก หรือ Engagement ซึ่งค่า Conversion เราสามารถกำหนดได้เอง เช่นการสมัครสมาชิก การลงทะเบียน การซื้อสินค้า การเพิ่มสินค้าลงตะกร้า ฯลฯ
ข้อจำกัดของ Line Tag
- สามารถใช้งานบนเว็บไซต์ได้เท่านั้น ยังไม่รองรับการใช้งานบนแอปพลิเคชันได้
- กลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Custom Audience จะสามารถใช้งานได้ต้องมีอย่างน้อยที่ 100 คน ขึ้นไป
Line Tag มีอะไรบ้าง ทำความรู้จักให้มากขึ้น
Line Tag ประกอบไปด้วย Code 3 ส่วนด้วยกัน
- Base Code
- Conversion Code
- Custom Event Code
ซึ่งส่วนของ Base Code เป็นโค้ดพื้นฐานจำเป็นที่จะต้องติดอยู่แล้ว เพื่อนับจำนวนคนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ และนำไปสร้างกลุ่มเป้าหมายคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ได้ จำเป็นที่จะต้องติดในระหว่าง <head> </head> (ในส่วนนี้ พอเราใช้งาน Google Tag Manager จะง่ายกว่าการติดตั้งแบบ Hard Code)
ต่อมาเป็น Conversion Code ขึ้นอยู่กับว่าเราจะกำหนด Conversion เป็นอะไร แต่แนะนำว่าส่วนนี้แนะนำให้เป็น Conversion หลักที่เราต้องการ เช่นคนที่ขายสินค้าบนเว็บไซต์ อาจกำหนดค่า Conversion นี้เป็น Purchase จะดีกว่า
Custom Event Code เป็นโค้ดที่เรากำหนดเองเช่นกัน สามารถกำหนดได้สูงสุดที่ 100 Event ต่อหนึ่งบัญชี ซึ่ง Event ที่เราควรกำหนดควรเป็น Event รอง เช่น Add to Cart หรือสมัครสมาชิก
จำไว้เลยว่าจำเป็นที่จะต้องติด Base Code ก่อนให้ถูกต้อง จากนั้นจึงค่อยติดตั้ง Conversion Code หรือ Custom Conversion Code เพื่อให้การทำงานของโค้ดเป็นไปอย่างถูกต้อง
วิธีติดตั้ง Line Tag โดยใช้ Google Tag Manager
วิธีติดตั้งเราจะเริ่มจากการติดตั้ง Base Code ก่อน เป็นอย่างแรก เพราะถ้าไม่มีแล้ว Conversion Code และ Custom Event Code จะไม่ทำงาน
- ล็อกอินเข้า Line LAP แล้วเลือก Ad Account ที่เราต้องการ จากนั้นกดที่ปุ่มเมนูซ้ายมือด้านบน
- จะมีแถบเมนูทั้งหมดให้เลือก เลือกที่ Line Tag
- เลื่อนลงมาด้านล่าง จนเห็นหัวข้อ Base Code ให้เลือก Copy
- สลับมาที่ Google Tag Manager (ต้องติดตั้ง Google Tag Manager ลงบนเว็บไซต์ของเราเรียบร้อยแล้ว) เลือก Account ที่เราต้องการ แล้วเลือกที่ New Tag
- ตั้งชื่อให้จดจำง่าย ในตัวอย่างเป็น Line Base Code Tag
- เลือก Tag Configuration
- เลื่อนลงมาด้านล่าง แล้วเลือกที่ Custom HTML
- Paste Line Base Code ที่เรา Copy มาไว้ในช่อง
- เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วเลือก Triggering
- เลือกที่ All Page
- จากนั้นกดที่ Save
- กดที่ Submit
- กดที่ Publish (เสร็จสิ้นการติดตั้ง Line Base Code เรียบร้อย)
- กลับมาที่หน้าต่างของ Line Tag ต่อ เพราะเราต้องติด Conversion Code ด้วย เพื่อการนับ Conversion ที่เราต้องการ เลือกที่ Conversion Code แล้ว เลือก Copy
- กลับมาที่หน้าแดชบอร์ดของ Google Tag Manager แล้วเลือกที่ New Tag เช่นเดิม เพื่อการติดตั้ง Conversion Code
- ตั้งชื่อ Tag ให้เข้าใจ ในที่นี้เป็น Line Tag – Conversion Code
- เลือกที่ Tag Configuration
- เลื่อนลงมาแล้วเลือกที่ Custom HTML
- Paste โค้ดที่เรา Copy มาจาก Conversion Code
- เลื่อนลงมาด้านล่างจนเจอ Triggering
- เนื่องจากว่า Triggering แบบ Conversion คือสิ่งที่เรากำหนดเอง เราจะไม่เลือกแบบ All Pages อีกต่อไป แนะนำให้เลือกเป็น URL หน้า Thank You Page ที่เราต้องการ เช่นหน้าขอบคุณที่สั่งซื้อสินค้าสำเร็จ หรือหน้าขอบคุณที่ผ่านการลงทะเบียน ให้เลือกที่ปุ่ม + ทางด้านขวามือบน
- ตั้งชื่อให้เรียบร้อยอ่านแล้วเข้าใจง่าย
- เลือก Trigger Configuration
- เลือกที่ Page View (ถ้าใครเก่งแล้วจะ Trigger เป็นรูปแบบอื่นก็ทำได้เช่นปุ่ม แต่แนะนำในขั้นต้นคือเป็นหน้า Thang You Page เพราะไม่ยุ่งยากและใช้งานง่าย)
- เลือกที่ Some Page Views
- เลือก Page URL
- เลือก Contains
- อันนี้ต้องเช็คให้ดีก่อนว่าหน้า Thank You URL ของเราคือ URL ใดกันแน่ ถ้าสมมติว่าหน้า Thank you Page ของคุณคือ URL นี้ com/purchase/thank-you เราก็จะใส่ในแบบรูปตัวอย่าง แน่นอนว่าหน้า URL ของ Thank You Page ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จำเป็นต้องเช็กก่อนใส่ ไม่งั้น Conversion Code จะไม่ทำงาน เพราะ Trigger ไม่ตรงนั่นเอง
- กด Save แล้วทำเหมือนขั้นตอนที่ 11, 12, 13
- เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ เราสามารถเช็คสถานะว่า Base Code และ Conversion Code มีสถานะเป็นเป็นอย่างไรได้ที่ Line Tag
เพียงแค่ 30 ขั้นตอน เท่านั้น (กล้าใช้คำว่าเพียง!) เอาจริงดูเหมือนเยอะ แต่เวลาทำจริงใช้เวลาไม่นานเลย ก็จะได้ใช้งาน Line Tag ได้อย่างสมความตั้งใจ ส่วน Custom Event Code วิธีการติดเหมือนกับ Conversion Code เป๊ะ แต่ว่าเราต้องจัดสรรเอาว่าจะให้ต้องการนับ Event เป็นอะไร เท่านี้เราก็จะใช้ Line Ads Platform ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นับ Conversion ได้อย่างที่ควรจะเป็น และยังสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบที่เลือกเองได้ด้วย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามข่าวสาร บทความดี ๆ จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time