บูสต์โฆษณา Influencer สำหรับ Facebook ในปัจจุบันการทำการตลาดแบบ Influencer Marketing เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถทำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นรีวิวเต็ม ๆ รีวิวแฝง หรือ Tie-in ก็มี
แต่สิ่งที่สำคัญและหลายคนนิยมทำกันหลังจากให้ Influencer เผยแพร่คอนเทนต์บน Facebook ไปแล้ว นั่นคือการบูสต์โพสต์ของ Influencer นั่นเอง เพื่อช่วยประจายให้คนเห็นมากยิ่งขึ้น หรือถ้ารู้ลึกมากก็สามารถทำเป็นแบบ Conversion ได้เลย และการบูสต์โพสต์ โดยใช้เพจของ Influencer เองมีข้อดีหลายอย่าง โดยเฉพาะ Cost per Result มักจะต่ำกว่าที่ทางเพจของแบรนด์บูสต์เองด้วย
ทาง Digital Break Time เลยมาบอกวิธีการบูสต์ Influencer สำหรับ Facebook กันว่ามีกี่วิธีและสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
บูสต์โฆษณา Influencer ทำอย่างไรได้บ้าง
บูสต์โฆษณา Influencer ด้วยการทำ Paid Partnership, Branded Content
เป็นวิธี บูสต์โฆษณา Influencer ที่เรียกได้ว่าง่ายมากที่สุดแล้วสามารถทำได้จากตัว Influencer เอง ทั้ง Facebook และ Instagram เพียงแค่ก่อนที่จะโพสต์ให้เลือกปุ่มที่เพิ่ม Paid Partnership ในส่วนของแบรนด์ที่เป็นเพจของลูกค้า และทางลูกค้า (หรือเอเจนซีของลูกค้า) ก็สามารถเห็นสถิติได้ว่า Reach, Engagement, View ไปเท่าไร เห็นสถิติโพสต์นั้น ๆ ของ Influencer และยังสามารถนำโพสต์นั้น ไปต่อยอดโฆษณาใน Ad Manager ได้อีก โดยเป็นในนามของ Influencer เอง ซึ่งโดยปกติแล้ว Results มักจะดีกว่าทางแบรนด์โพสต์เองมาก ๆ ด้วย
ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่า Influencer สามารถแบ่งเป็น Post ว่าจะให้ Page ไหนจัดการ ไม่จำเป็นที่จะต้องมายุ่งยากเพิ่ม Advertiser ในเพจเลย เพิ่มความปลอดภัยให้กับเพจด้วย
ข้อดีของการทำ Paid Partnership
- ฝั่งลูกค้าสามารถเห็นสถิติจากโพสต์นั้นได้ทั้งหมด
เป็นสิ่งที่เอเจนซีและลูกค้าอยากเห็นมาก ๆ ว่าโพสต์ที่เราจ้าง Influencer ไปนั้นผลลัพธ์เป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะไม่มีส่วนที่ใช้จ่ายสำหรับการทำ Ads เลยก็ตาม แบบ Organic ก็สามารถเห็นได้ด้วย ทั้งนี้เมื่อลูกค้าได้ผลลัพธ์ก็จะสามารถนำไปประมวลผลได้ว่าการจ้าง Influencer ครั้งนี้ รายนี้ดีหรือไม่ และถ้าเกิดดีขึ้นมาจริง ๆ ครั้งหน้าลูกค้าอาจจะจ้าง Influencer เดิม หรือ Influencer ในแนวที่มีคอนเทนต์คล้ายกันได้ - ลูกค้าหรือเอเจนซีสามารถนำไปโปรโมทเพื่อใช้เป็น Ads ใน Ad Manager ได้อีก
สำหรับลูกค้าหรือเอเจนซีที่ไม่ได้พึ่งพา Organic เพียงอย่างเดียว ซึ่งการสร้าง Ad ใน Ad Manager ของ Meta นั่นเมื่อลูกค้าได้รับการทำ Paid Partnership ได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถนำ Content นั้น ๆ ไปโปรโมทได้ตามต้องการ สามารถเลือก Objective ได้อย่างอิสระ (ส่วนตัวถึงขนาดทำ Conversion ได้จากช่องทางนี้ได้เลยทีเดียว) ผลพลอยได้คือ Result มักจะออกมาค่อนข้างดี Cost per Result ที่ต่ำกว่าในฐานะของเพจแบรนด์ เพราะโดยพื้นฐานแล้วคนมักจะเชื่อ Influencer มากกว่าแบรนด์อยู่แล้ว
- ทำกลุ่มเป้าหมายแบบ Remarketing, Retargeting จากคอนเทนต์นั้นได้
เหนือไปกว่านั้น ถ้าเราต้องการกลุ่มเป้าหมายแบบ Remarketing ก็สามารถสร้างจาก Post ที่ทำการ Paid Partnership ได้ เช่นสร้างจากคนที่เคย Engaged กับ Post นั้น หรือคนที่เคยดูวิดีโอที่มีความยาวเกิน 3 วินาทีขึ้นไป ฯลฯ ได้ด้วย ทำให้กลุ่มเป้าหมายนี้เราสามารถส่งโฆษณาที่เกี่ยวข้องกลับไปได้อีก
ขอสิทธิ์ Access ผ่านเพจของ Influencer ในระดับ Advertiser

แบบนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมมากเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อน ก่อนที่จะมี Paid Partnership ก็จะมีการขอสิทธิ์ Access Page แบบนี้ที่จะช่วยให้ บูสต์โฆษณา Influencer โปรโมทผ่านเพจที่เป็น Influencer ได้ โดยแค่ขอเพิ่มสิทธิ์เป็นระดับ Advertiser ของเพจนั้น ๆ นั่นเอง ซึ่งวิธีนี้ก็มีข้อดีหลายอย่าง มีความคล้ายและความแตกต่างกับ Paid Partnership หลายอย่างเลยทีเดียว
ข้อดีของการใช้สิทธิ์ Access ผ่านเพจของ Influencer ในระดับ Advertiser
- เหมาะกับการทำ Ads โฆษณาในเพจ Influencer ระยะยาว
ต้องบอกก่อนว่าการมอบหมายให้เป็น Admin ระดับ Advertiser คือสามารถสร้างโฆษณาได้ จึงเหมาะมาก ๆ กับการที่เราทำสัญญากับทาง Influencer ไว้ก่อนว่าเราจะใช้งานเพจของ Influencer อย่างต่อเนื่องในการรันโฆษณา ซึ่งจะเหมาะสมกว่าการทำแบบ Paid Partnership เพราะว่าแบบหลังนั้นจะให้สิทืฌป็นรายโพสต์หรือรายคอนเทนต์เท่านั้น - เห็นสถิติข้อมูล และสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมาย Remarketing จากเพจ Influencer ได้ทั้งหมด
ต้องบอกว่าทั้งหมดนี่คือทั้งหมดจริง ๆ เพราะการที่จะเข้าไปเป็น Page Advertiser ได้ จำเป็นที่จะต้องเห็นข้อมูลทั้งหมดนี้อยู่แล้ว ส่วนเพจรูปแบบใหม่นั้น จะเป็นการแยกสิทธิ์ออกมาต่างหาก ไม่ได้แบ่งตาม Role (แต่สิทธิ์พื้นฐานระดับล่างสุดก็ยังคงเป็น Insight อยู่ดี) ซึ่งทางลูกค้าหรือเอเจนซีเองสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ได้ว่าเพจนี้ตรงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ สามารถดูรวมรวมและ Demographic ของผู้ที่ติดตามหรือมี Engagement ได้อีก
ยังไม่พอยังสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบ Remarketing แต่ไม่ใช่จากเพียงโพสต์เดียว แต่สามารถสร้างได้ทั้งเพจไปเลย นั่นหมายความว่าการสร้างกลุ่ม Remarketing จะทำได้หลากหลายมากขึ้นไปอีกขั้น
ซึ่งจะต่างจากการทำแบบ Paid Partnership เพราะเราจะเห็นข้อมูลสถิติได้แค่เพียงโพสต์หรือคอนเทนต์ที่ทำ Paid Partnership กับเพจเราเท่านั้น รวมไปถึงการสร้างกลุ่มเป้าหมายก็สร้างได้จากคอนเทนต์นั้นอย่างเดียว ไม่เหมือนกับการเพิ่มเป็น Add Advertiser ในเพจ ที่เราจะสร้างกลุ่มเป้าหมายภาพรวมได้ทั้งเพจ และเห็นข้อมูลสถิติทั้งเพจได้
บูสต์โฆษณา Influencer โดยให้ Influencer บูสต์ให้

บูสต์โฆษณา Influencer สำหรับใครที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก หรือไม่เน้นการทำ Report มากนัก การให้ Influencer ช่วยบูสต์ให้นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าจ้างไม่ต้องทำอะไรเลย โดยให้อินฟลูเอนเซอร์เป็นคนจัดการทั้งหมด มีหน้าที่คือจ่ายเงินอย่างเดียวพอ ซึ่งตรงนี้ Influencer ก็มักจะมีการเก็บค่า Fee เป็นเปอร์เซ็นต์ของการบูสต์โพสต์ด้วย ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน ปกติจะอยู่ที่ 10-20%
แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น Influencer จะบูสต์ให้เราจริงหรือไม่ ต้องมาตามเก็บใบเสร็จ Facebook จาก Influencer ภายหลังอีก ไหนจะดูรีพอร์ตก็ทำได้ยาก ต้องให้ Influencer แคปภาพมาเท่านั้น หรือถ้า Influencer ไม่ได้มีความรู้เรื่อง Digital Marketing ก็มักจะเลือก Objective หรือจุดประสงค์ในการทำไม่ตรง หรือเลือกกลุ่มเป้าหมายไม่ตรงกลุ่ม ทำให้เราเสียโอกาสตรงนี้ไปได้ (ส่วนตัวจะไม่เลือกใช้วิธีนี้เด็ดขาด เพราะว่าบูสต์เองโปร่งใสกว่า ทำ Report เองได้ ยืดหยุ่นกว่ามาก Influencer เจ้าไหนที่บังคับให้เจ้าตัว Influencer บูสต์เองเท่านั้น ก็จะไม่เลือกบูสต์เลยดีกว่า ไว้เป็น Organic ล้วนๆ)
ข้อดีของการให้ Influencer บูสต์เอง
- เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก ให้ Influencer จัดการทั้งหมด
ใครที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ต้องการให้บูสต์โฆษณา ก็สามารถให้ Influencer ทำวิธีนี้ได้ (ขึ้นอยู่กับการตกลงด้วยนะ) แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเชียร์วิธีนี้เท่าไร เพราะอย่างที่กล่าวมาเปบื้องต้นว่าวัดผลได้ยาก และไม่รู้ว่า Influencer ใช้เงินจริงไหมด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการ บูสต์โฆษณา Influencer ที่เราสามารถบูสต์โพสต์ผ่าน Influencer ได้ ทั้งหมดก็จะมีจุดเด่นและจุดด้วยที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดแบบไหน และสะดวกวิธีไหน สามารถนำไปปรับใช้ได้
สำหรับใครที่ต้องการจ้าง Influencer ไม่ว่าจะให้เราหาให้ แล้วไปดีลต่อเอง หรือจะให้เราดีลให้ทั้งหมด ก็สามารถติดต่อ Digital Break Time ได้ รวมไปถึงการบูสต์โพสต์ผ่าน Influencer ทางเราก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time