ทำโฆษณา Digital Marketing บนมือถือหรือบนคอมพิวเตอร์ แบบไหนดีกว่ากัน สำหรับใครที่เป็นเจ้าของกิจการมือใหม่ ประกอบธุรกิจ SMEs และยังไม่มีทีม Digital Marketing เป็นของตัวเอง ก็มักจะเริ่มที่จะทำการตลาดเอง ทำโฆษณาเอง รวมถึงการทำ Digital Marketing เองด้วย
ไม่แปลกเลยที่เจ้าของธุรกิจเบื้องต้นขนาดเล็กที่จะทำการตลาดเอง เพราะด้วยเนื่องจากงบประมาณมีจำกัด งบไม่สูงมาก ในช่วงแรกเมื่อพิจารณาแล้วอาจจะไม่คุ้มค่าเมื่อจ้างเอเจนซีหรือจ้างพนักงานประจำ จนกว่าจะมีรายได้ที่มากขึ้น ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Social Media ก็มีหลายคนที่เลือกใช้งานทำโฆษณาจากบนมือถือโดยตรง เพราะว่ามันง่ายและสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มในปัจจุบันที่สนับสนุนให้การทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ผ่านสมาร์ทโฟนได้เลย เพราะง่าย สะดวก รวดเร็ว จะเห็นได้จาก Facebook, Instagram หรือ TikTok เอง ก็จะมีปุ่มให้กดบูสต์ผ่านมือถือได้
แต่ถึงแบบนั้นเองหลายคนก็เลือกที่จะทำโฆษณาบนคอมพิวเตอร์ เดสก์ท็อป (เช่นตัวผู้เขียนเอง) ไม่ว่าจะเกิดจากความเคยชิน หรือต้องการลงลึกในเครื่องมือต่าง ๆ ก็ตาม ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างการทำโฆษณา Digital Marketing บนมือถือกับบนคอมพิวเตอร์ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ทำโฆษณา Digital Marketing บนมือถือหรือบนคอมพิวเตอร์ แบบไหนดีกว่ากัน
ข้อดีของการบูสต์โฆษณาบนมือถือ

- ใช้งานง่ายไม่ต้องยุ่งยาก กดไม่นานก็เสร็จ พร้อมรันโฆษณา
อันนี้เป็นเรื่องที่ผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ต้องการให้คนที่ทำโฆษณาง่ายขึ้น (แน่นอนว่าถ้าโฆษณาง่ายขึ้น เขาก็จะได้เงินจากเราง่ายขึ้นด้วย) จะเห็นได้จาก Facebook, Instagram, TikTok มักจะมีปุ่มให้กดบูสต์อย่างง่ายดาย กดเลือกบูสต์คอนเทนต์ที่ต้องการ แล้วเลือกกลุ่มเป้าหมาย เลือกงบประมาณ กรอกบัตรเครดิตหรือเติมเงิน รอโฆษณารัน เสร็จแล้ว ง่ายมากจริง ๆ - ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก มีหน้าวัดผลดูได้จากมือถือได้เลย บางแพลตฟอร์มมีแอปแยกให้
เป็นผลต่อเนื่องจากข้อด้านบน การดูผลลัพธ์การโฆษณา ก็สามารถดูได้จากบนมือถือได้ทันที เป็นสรุปแบบง่าย ๆ หน้า Dashboard สรุปมาให้แล้ว ซึ่งจะเอาข้อมูลที่จำเป็นและเป็นหลักในการทำโฆษณามารวบรวมให้เกือบทั้งหมด และบางแพลตฟอร์มก็มีแอปแยกให้เสร็จ เช่น Ads Manager ของ Meta ที่ไว้ดูและแก้ไขโฆษณาได้ของเครือ Meta หรือจะเป็นแอป Google Ads ที่ไว้ทำโฆษณาของ - บาง Objective มีเฉพาะการบูสต์บนมือถือเท่านั้น
อันนี้แปลกแต่จริง บาง Objective หรือวัตถุประสงการโฆษณา จะมีพิเศษเฉพาะการบูสต์บนมือถือเท่านั้น ยกตัวอย่างบน Instagram ถ้าคุณกดบูสต์จากแอป IG เองเลย จะมี Objective พิเศษให้เลือก นั่นคือการชมหน้า Profile ของ IG (More Profile Visits) ช่วยเพิ่มโอกาสให้คนฟอลโลว์ IG ได้มากขึ้น ซึ่งถ้าคุณทำบนคอมพิวเตอร์ใน Ad Manager จะไม่มี Objective นี้ให้เลือก ซึ่งใกล้เคียงมากที่สุดคือ Traffic แล้วใส่หน้า Landing Page เป็น Instagram Profile แทน
ข้อที่ควรพิจารณาของการบูสต์โฆษณาบนมือถือ
- ข้อจำกัดเยอะ ทำ A/B Testing ยาก แยกกลุ่มเป้าหมายก็ยาก รูปแบบ Ads ทำได้น้อย
การทำโฆษณาบทมือถือสมาร์ทโฟน มักจะมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ ส่วนมากมักจะเป็นเราต้องลง Content หน้าเพจก่อน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือจะเป็น TikTok ก็ตาม แล้วค่อยบูสต์โฆษณา ซึ่งต่างจากการทำโฆษณาในคอมพิวเตอร์ เราไม่จำเป็นต้องลง Content ที่หน้าเพจก่อนเลยแม้แต่น้อย สร้างโฆษณาได้ทันที ทำให้รูปแบบ Ads โฆษณามีความหลากหลายมากกว่า และการทำ Ads เดียว ก็สามารถทำได้แค่ Targeting เดียว (ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม) ผิดกับการทำบนคอมพิวเตอร์ เราจะใช้ Ads ที่เป็นรูปแบบเดียวกัน ใช้กับหลาย ๆ Targeting ได้ ทำให้การสร้าง A/B Testing ของการทำโฆษณาบนมือถือทำได้ยากกว่ามาก
- ไม่สามารถทำโฆษณาในรูปแบบที่มีความซับซ้อนได้มากนัก รีพอร์ตแบบละเอียดทำไม่ได้
การทำโฆษณาแบบซับซ้อน จะเกิดขึ้นมาก เมื่อเราใช้งบมากขึ้น และทำหลายแคมเปญ ทำหลายโฆษณา การทำโฆษณาบนมือถือ มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เพราะส่วนมาก การทำโฆษณาบนมือถือ 1 Ads = 1 Ad Set = 1 Campaign แต่ต่างจากการทำบนคอมพิวเตอร์ ในหนึ่งแคมเปญเราสามารถใส่ Ad Set ได้เยอะ และใน 1 Ad Set ก็ใส่ได้หลาย Ads เช่นกัน อีกทั้งรีพอร์ตถ้าต้องการทำแบบละเอียด บนมือถือก็ให้แทบจะไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นบนคอมพิวเตอร์ เราก็สามารถ Export ข้อมูลเป็นไฟล์ csv ออกมาได้ละเอียดมาก ๆ รวมไปถึงการใช้งานที่เราเอาไปทำต่อได้อีก เช่นการทำข้อมูลต่าง ๆ ไปเป็นไฟล์ Report ให้อ่านง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่การทำโฆษณาบนมือถือให้ได้ไม่เท่ากับการทำบนคอมพิวเตอร์ - ถึงแม้จะมีแอปทำโฆษณาโดยเฉพาะ แต่จำกัดความสามารถมาก อย่างมากปรับงบ เพิ่มวัน โฆษณาได้เล็กน้อย
หลายแพลตฟอร์มก็มีแอปออกมา เพื่อช่วยให้การใช้งานบนมือถือเป็นไปอย่างง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Ad Manager ของทางฝั่ง Meta และ Google Ads ของทางฝั่งกูเกิล แต่ต้องบอกเลยว่าแอปที่มีให้ใช้บนมือถือ ต่างมีข้อจำกัดมาก การสร้าง Ads ทำได้ไม่หลากหลาย มากนัก ในแอปเองอย่างมากก็จะทำได้สร้าง Ads เล็ก ๆ น้อย ๆ การแก้ไข Text แคปชั่น ปรับรูป ปรับเพิ่มลดงบ ขยายวันเวลา แต่ก็มีข้อจำกัดที่เคยใช้จริง นั่นคือจะแก้ Ads ประเภทรูปแบบ Collection ที่เป็น Catalog Sales ใน FB ซึ่งแก้เฉพาะตัวที่เป็นแคปชั่นเท่านั้น แต่แอป Ads Manager ยังไม่รองรับการแก้ Ads รูปแบบนี้ นับว่าเป็นข้อจำกัดใหญ่พอสมควร
ข้อดีของการบูสต์โฆษณาบนคอมพิวเตอร์ เดสก์ท็อป ผ่านเว็บเบราเซอร์

- สามารถทำโฆษณารูปแบบซับซ้อนได้ เหมาะกับการทำหลาย Objective
ยิ่งมีงบประมาณในการทำโฆษณามาก การทำโฆษณารูปแบบซับซ้อนก็จะมากขึ้น มีหลาย Objective มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การทำโฆษณาหลายรูปแบบได้ การทำโฆษณาบนมือถืออาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป การทำบนคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บเบราเซอร์จะช่วยขจัดอุปสรรคต่าง ๆ นี้ไปเกือบทั้งหมด - การ Set Up Conversion ต่าง ๆ ยังคงต้องทำเป็นคอมพิวเตอร์อยู่ ทำโฆษณาแบบ Conversion สะดวก
แน่นอนว่าอีกหน่อยเราคงไม่ได้บูสต์โพสต์เพื่อเอาเฉพาะแค่ยอด Engagement เฉย ๆ อีกต่อไป ในอนาคตการทำ Performance Marketing จะมีมากขึ้น การตั้งค่า Conversion ต่าง ๆ เป็นการที่ต้องติดตั้ง Code ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ไปได้ - ทำ Report ได้ออกมาละเอียดยิบ ทำให้ไม่ค่อยพลาดตรงจุดที่สำคัญ
การทำรีพอร์ตถ้าหากต้องการดูข้อมูลรอบด้าน ก็ควรจะใช้บนคอมพิวเตอร์ เพราะเราสามารถดูรีพอร์ตเป็นรายโฆษณา หรือจะดู Demographic ได้ โฆษณาแบบไหนทำ Performance ได้ดีที่สุด จะดูแบบ รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือดูย้อนไปเป็นปีก็ได้เช่นกัน และถ้าต้องการตัวช่วยต่าง ๆ ที่จะดึงข้อมูล ก็มีตัวช่วยค่อนข้างเยอะ เพราะหลายแพลตฟอร์มโฆษณาต่างมี API ที่ช่วย
ข้อควรพิจารณาโฆษณาบนคอมพิวเตอร์ เดสก์ท็อป ผ่านเว็บเบราเซอร์
- จำเป็นต้องเรียนรู้ระบบโครงสร้างของการทำโฆษณา
ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างชั้น Campaign, Ad Set (Ad Group) และ Ads แตกต่างกันอย่างไร เพราะว่าการแบ่งโครงสร้างการทำโฆษณาเหล่านี้นั้นมักจะใช้เป็นสากล ไม่ว่าจะเครื่องมือไหน ๆ ก็ใช้โครงสร้างที่ใกล้เคียงแบบนี้กัน อาจต่างกันที่รายละเอียดปลีกย่อย การเรียนรู้ตรงนี้จึงจำเป็นมาก - การเรียนรู้การใช้งานเครื่องมือ Tools แต่ละชนิด ต้องใช้เวลา ประสบการณ์
การทำโฆษณาบนมือถือนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายน ไม่ซับซ้อน แต่จะแตกต่างขึ้นมาอีกขั้น เมื่อต้องพบเจอกับเครื่องมือที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ ผ่านเว็บเบราเซอร์ เพราะแต่ละเครื่องมือต่างมีหน้าที่เดียวกันคือเพื่อโฆษณา แต่ว่ามีหลายจุดประสงค์โฆษณา เราก็ต้องรู้ว่าธุรกิจของเราจะเหมาะกับการทำแบบไหน อีกทั้งการเรียนรู้การใช้เครื่องมือเพื่อทำ Digital Marketing นั้นย่อมใช้เวลาและประสบการณ์ หรืออาจจะต้องยอมจ่ายเงินเพื่อเรียนเป็นคอร์สก็ได้ - อาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่
สำหรับใครที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ใช้งานบนมือถือสมาร์ทโฟนเป็นหลัก แน่นอนว่าอาจจะไม่มีคอนพิวเตอร์ที่บ้านเลยก็เป็นได้ หรือเครื่องที่มีก็เก่าแล้ว ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ก็จะเกิดขึ้นเมื่อเจอตรงนี้ แต่สำหรับการใช้งานพวกการทำโฆษณาผ่านเว็บเบราเซอร์นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์สเปคที่สูงมาก ใช้สเปคพื้นฐานก็เพียงพอแล้ว
ทำโฆษณา Digital Marketing บนมือถือหรือบนคอมพิวเตอร์ อาจจะไม่ได้มีข้อสรุปว่าแบบไหนดีกว่ากัน ต่างมีข้อดีข้อเสีย ทั้งหมดนี้เป็นการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการทำ Digital Marketing บูสต์โฆษณาบนมือถือและบนคอมพิวเตอร์ว่าแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับใครมากกว่า แต่ส่วนตัวใช้บนคอมพิวเตอร์กับโน้ตบุ๊กคล่องตัวกว่าเยอะมาก ยกเว้นตอนที่ต้องแบกไปหาลูกค้านั่นแหละ
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time