ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ ในปัจจุบันมีหลากหลายเครื่องมือให้เลือกใช้งาน แต่ละค่ายต่างเร่งพัฒนาโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ของตัวเองให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ และสำหรับสายคอนเทนต์อย่างเราแล้ว การมีเจ้าเครื่องมือเหล่านี้เข้ามาก็ช่วยทุ่นแรง ช่วยประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว
แต่เพื่อนๆ เคยเป็นเหมือนกันไหมคะ เวลามองหาเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้งาน แต่พบว่ามันมีหลายตัวจนไม่รู้จะเลือกใช้อะไรดี พอลองใช้งานบางตัวก็รู้สึกว่ามันยังไม่สามารถช่วยงานเราได้จริงๆ ใช้แล้วเหมือนจะเสียเวลายิ่งกว่าเดิม ในบทความนี้เราจึงได้รวม 5 เครื่องมือที่พิสูจน์มาแล้วว่าเวิร์กจริง ใช้งานแล้วช่วยให้งานโฟลวขึ้นประหยัดเวลา ประหยัดแรงมากขึ้น จะมีเครื่องมืออะไรบ้างมาดูกันค่ะ
5 ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ ช่วยเซฟเวลา เซฟแรง แถมได้งานปังๆ อีกด้วย
- 1. Wisesight Trend ดูเทรนด์ไหนที่น่าจับมาเล่น
- 2. Google Ads Keyword Planner ตรวจสอบ Keyword ที่มีประสิทธิภาพ
- 3. Chat GPT ผู้ช่วยอัจฉริยะ ตอบได้เกือบทุกคำถาม ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ ชั้นเยี่ยม
- 4. Anissa ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ ที่หลากหลายสุดๆ
- 5. Readawrite ตรวจคำผิด พร้อมแนะนำคำที่ถูกต้อง
- สรุป ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ 5 เครื่องมือตัวตึง ให้คุณสร้างคอนเทนต์ได้แบบเซฟเวลา เซฟแรง
1. Wisesight Trend ดูเทรนด์ไหนที่น่าจับมาเล่น
เมื่อเป็นสายคอนเทนต์ จะพลาดเรื่องการติดตามเทรนด์และกระแสต่างๆ ไปได้ยังไง เครื่องมือ Wisesight Trend เป็นตัวช่วยให้คุณสามารถ Monitor กระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, X (Twitter), Instagram, YouTube รวมถึงบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย มีหมวดหมู่แยกย่อยให้คุณเลือกดูอย่างละเอียด อยากติดตามเทรนด์ในวงการอะไร ก็แค่กดเข้าไปดู คุณก็จะได้เห็นว่าคอนเทนต์อะไรบ้าง ที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ เป็นของเพจหรือแอ็กเคาต์ไหน มียอด Engage ต่างๆ เท่าไหร่ นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบแบบโฟกัสเฉพาะคู่แข่งของคุณ ว่าพวกเขากำลังทำคอนเทนต์แบบไหนกันอยู่ เพื่อที่คุณจะได้ตามคู่แข่งทัน รวมถึงอาจจะเกิดไอเดียใหม่ๆ มาทำป็นคอนเทนต์ของตัวเอง นับว่าเป็นเครื่องมือสำหรับสายคอนเทนต์ที่ปังสุดๆ
2. Google Ads Keyword Planner ตรวจสอบ Keyword ที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อเราอยากหาข้อมูลอะไรสักอย่าง ที่แรกที่เรามักจะไปเสิร์ชหาข้อมูลมักเป็น Google ใช่ไหมคะ และ Google Keyword Planner ก็เป็นเครื่องมือที่ให้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่า Keyword อะไรบ้างที่คนมักใช้เสิร์ชบน Google หรือตรวจสอบว่า Keyword ที่คุณต้องการนำไปทำคอนเทนต์ โดยเฉพาะเขียน Blog SEO นั้น มีคนใช้เสิร์ชมาก-น้อยแค่ไหน เหมาะกับการนำไปใช้เป็น Keyword ไหม รวมถึงนำไปใช้กับการสร้างโซเชียลโพสต์ก็ทำได้เช่นกัน
และเมื่อคุณเลือก Keyword ที่มี Search Volume เยอะๆ นำไปเขียนบทความที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ (รวมทั้ง Optimize ส่วนอื่นๆ ของบทความได้ถูกต้อง) บทความของคุณก็จะมีโอกาสอยู่อันดับต้นๆ เมื่อกลุ่มเป้าหมายเสิร์ช Keyword นั้นๆ และเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ
3. Chat GPT ผู้ช่วยอัจฉริยะ ตอบได้เกือบทุกคำถาม ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ ชั้นเยี่ยม
เวลาจะเขียนคอนเทนต์แต่ละตัว ขั้นตอนที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ขั้นตอนของการทำ Research ตั้งแต่หาไอเดียเจ๋งๆ ในการนำเสนอ และหาข้อมูลมาเขียนคอนเทนต์ ให้คอนเทนต์ของเรานอกจากจะเจ๋งแล้วก็ยังมีข้อมูลครอบถ้วนถูกต้องด้วย และขั้นตอนนี้นี่แหล่ะค่ะที่กินเวลาอันมีค่าและมีจำกัดของเราไปมากเลยทีเดียว เราจึงขอเบิกตัวช่วยอย่างเจ้า Chat GPT มาช่วยประหยัดเวลาเรื่องการทำ Research ไม่ว่าจะเป็นการให้ไอเดียทำคอนเทนต์ ให้ข้อมูลได้ตามต้องการ ยกเคสตัวอย่าง หรือให้มันสอนคุณใช้งานสิ่งต่างๆ ก็ทำได้
นอกจากนี้ Chat GPT ยังสามารถช่วยเขียนเนื้อหา และเขียนไกด์โครงร่างของงานเขียนประเภทต่างๆ ได้ด้วยเช่น ข้อความโฆษณา ข่าว บทความ SEO เรซูเม่ เขียนบทพูด MC ผู้ประกาศ ผู้จัดรายการ Podcast และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ก็ยังน่าเสียดายตรงที่ Chat GPT ยังเขียนภาษาไทยได้ไม่เป็นธรรมชาติ บางประโยคอ่านแล้วงงเลยก็มี ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเรียบเรียงแก้ไขเนื้อหาที่มันเจนออกมาให้อีกครั้ง ซึ่งก็เข้ากับจุดประสงค์ของเจ้าเครื่องมือเหล่านี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้มนุษย์นั่นเอง
4. Anissa ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ ที่หลากหลายสุดๆ
เป็น AI น้องใหม่มาแรงสัญชาติไทย ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการเขียนงาน ได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่เขียนข้อความโซเชียลโพสต์ ข้อความโฆษณาบน FB/Google บทความ SEO อีเมล เว็บไซต์ เขียนเเชิงธุรกิจ แต่งนิทาน แต่เพลง เขียน Essay และอื่นๆ ซึ่งเหมาะกับคนที่เขียน Prompt ใน Chat GPT ไม่เก่ง ทำให้เนื้อหาที่เจนออกมาไม่ตรงตามความต้องการ แต่ Anissa มีการกำหนดประเภทงานเขียนตั้งแต่แรก ทำให้รู้ว่าองค์ประกอบของงานเขียนนั้นควรมีอะไรบ้าง
และไม่ใชแค่เขียนเนื้อหาได้อย่างเดียวเท่านั้น ให้คิดไอเดียหัวข้อ และหัวข้อย่อยบทความ วางแพลนบทความ วางแพลนโฆษณาก็ทำได้ และที่สำคัญ สามารถเขียนภาษาไทยได้เกือบเป็นธรรมชาติ ทำให้คุณไม่ต้องเรียบเรียงแก้ไขเนื้อหาเยอะ และเขายังเคลมอีกด้วยว่า 99% ของเนื้อหาที่เจนมาให้ ไม่ได้คัดลอกมาจากที่ไหนอีกด้วย
5. Readawrite ตรวจคำผิด พร้อมแนะนำคำที่ถูกต้อง
เมื่อเขียนคอนเทนต์เรียบร้อย สุดท้ายเราก็ต้องตรวจสอบคำผิดใช่ไหมคะ แต่ว่าถ้าต้องไล่อ่านเองทั้งหมด ถ้าเนื้อหาไม่เยอะเราก็อาจจะตรวจเองไหว แต่ถ้ามีเนื้อหาเยอะๆ หลายพันคำ แล้วเราต้องนั่งตรวจเองทั้งหมด ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ การมี ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ เครื่องมือมาช่วยตรวจก็เซฟแรงไปได้เยอะเลยทีเดียว และเครื่องมือตรวจคำผิดของ Readawrite ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว เพียงแค่คัดลอกบทความที่เราเขียนไปวางใน Readawrite แล้วกด Proof มันก็จะขึ้นตารางคำที่เรา เขียนผิด และ น่าจะเขียนผิด มาให้ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำคำที่เขียนถูกต้องมาให้ด้วย ถ้าคำที่มันแนะนำมาให้ถูกต้อง ตรงกับคำที่เราต้องการ ก็สามารถกดแทนที่ได้เลย ไม่ต้องไปพิมพ์แก้เอง ถือเป็นเครื่องมือที่สะดวกมากๆ
สรุป ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ 5 เครื่องมือตัวตึง ให้คุณสร้างคอนเทนต์ได้แบบเซฟเวลา เซฟแรง
ตัวช่วย เขียนคอนเทนต์ มีประโยชน์ต่อคนทำงานสายคอนเทนต์อย่างมาก ทั้งช่วยประหยัดเวลาในการคิดไอเดีย หาข้อมูล ตรวจสอบเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแทบทุกโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ยังช่วยเขียนเนื้อหา รวมถึงไกด์งานเขียนต่างๆ ได้ ซึ่งช่วยให้เราประหยัดแรง และเวลาไปได้มากเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ผลงานจะออกมาดีหรือไม่ดี ปังหรือไม่ปัง สุดท้ายคนที่จบงานก็ต้องเป็นตัวเรา ที่จะต้องมาปรับแต่ง ใส่ความครีเอทีฟ จากประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมา ไม่ควรพึ่งตัวช่วยไปซะทุกเรื่องจนเราไม่ได้แสดงฝีมือความสามารถออกมาเลยนะคะ
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast