Shopee Ads แบบใหม่ เปลี่ยนไปแค่ไหนเรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงกันบ่อยมาก กับโฆษณาช้อปปี้ ซึ่งคราวนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก ๆ มีอะไรใหม่ ๆ และมีอะไรที่หายไปด้วย
คอนเทนต์นี้เกิดขึ้นมาได้เนื่องจากว่า ทาง Digital Break Time ได้รับการแจ้งเตือนว่า ในแอคเคานท์ Shopee Ads จะมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เลยมานั่งอ่านรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงประสบการณ์ที่ได้ใช้งาน Shopee Ads แบบใหม่ มาเปรียบเทียบกับแบบเก่าว่าเปลี่ยนไปอย่างไร และต้องรับมือแค่ไหน
Shopee Ads แบบใหม่ อัพเดตใหญ่ เปลี่ยนไปแค่ไหน ต้องเตรียมพร้อมรับมืออะไรบ้าง
- Shopee Ads แบบใหม่ ยังคงเป็นการทำโฆษณาแบบทีละสินค้าเหมือนเดิม ไม่ใช่แบบแคมเปญ
- สินค้า 1 สินค้า จะสามารถทำโฆษณาได้หลายแบบเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ แยกรูปแบบโฆษณาแบบ Manual และ Auto ได้อีก
- Search Ads, Discovery Ads, Boost Ads เปลี่ยนเป็น Promote My Products แล้วเลือก Placement แทน
- ลาก่อน Total Budget เหลือไว้เพียง Daily Budget และ No Limit
- Shopee Ads แบบใหม่ สามารถลบโฆษณาได้แล้ว ไม่ได้เพียงแค่หยุดโฆษณา
- สามารถกำหนด Target ROAS ได้ (เฉพาะร้านค้าที่ทาง Shopee Whitelist ให้ก่อน)
- Audience Targeting ที่มาใหม่ แต่ก็ไม่ได้ใหม่จริงขนาดนั้น (เฉพาะ Whitelist)
- Shop Ads โดนแยกออกมาเดี่ยว ๆ แล้ว ไม่ได้อยู่ภายใต้ Search Ads เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
- ข้อดีข้อเสียที่เจอใน Shopee Ads แบบใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงไป
- สรุป เมื่อ Shopee Ads แบบใหม่ เปลี่ยนแปลง เราต้องรับมือกับอะไรบ้าง
Shopee Ads แบบใหม่ ยังคงเป็นการทำโฆษณาแบบทีละสินค้าเหมือนเดิม ไม่ใช่แบบแคมเปญ
สำหรับใครที่คาดหวังว่า Shopee Ads จะเปลี่ยนเป็นแบบทำแคมเปญ บอกไปก่อนว่าเสียใจด้วยยังคงทำเป็นรายสินค้าเหมือนเดิม ต้องบอกก่อนว่าการทำโฆษณาแบบ Campaign นั้น จะเป็นแบบฝั่ง Lazada ที่สร้างแคมเปญก่อน แล้วค่อยเลือกสินค้าใส่เข้าไปทีหลัง แต่ Shopee Ads นั้นเป็นการทำโฆษณาแบบรายสินค้า ซึ่งทางฝั่ง Shopee นั้นจะมีความยากลำบากมาก ถ้าคุณมีสินค้าเยอะ และต้องการทำโฆษณาเยอะ ๆ จะเหนื่อยมาก และถึงแม้จะเปลี่ยน Shopee Ads แบบใหม่ แต่การทำโฆษณาแบบทีละสินค้าก็ยังเหมือนเดิม ซึ่งตรงนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง
สินค้า 1 สินค้า จะสามารถทำโฆษณาได้หลายแบบเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ แยกรูปแบบโฆษณาแบบ Manual และ Auto ได้อีก
จากที่เมื่อก่อน 1 สินค้า จะทำโฆษณาได้ 3 รูปแบบเท่านั้น คือ Search, Discovery, Boost แล้วไส้ในจะเป็น Auto หรือ Manual ก็จะต้องมาเลือกหรือตั้งค่าด้านในกันอีกที แต่ว่า Shopee Ads แบบใหม่ ทำโฆษณาในรูปแบบปัจจุบันเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก คือจะแยกย่อยโฆษณา Auto และ Manual ขาดออกจากกันแบบชัดเจน
โดย 1 สินค้า จะสามารถทำโฆษณาแบบไม่ซ้ำรูปแบบได้ที่ 6 โฆษณาดังนี้
- Search – Auto
- Search – Manual
- Discovery – Auto
- Discovery – Manual
- All Placement – Auto
- All Placement – Manual
แต่เท่าที่ลองสร้างดู คือเราก็สามารถทำโฆษณาสินค้าเดิม รูปแบบโฆษณาเดิม ได้ซ้ำ ๆ กัน เช่น สินค้า A ทำโฆษณา Search แบบ Auto เราก็จะสร้างแบบนี้ได้หลายอัน (ซึ่งก็คือไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม)
ข้อดีคือคนที่มีสินค้าน้อย ทำโฆษณาไม่มาก ก็จะเปิดโอกาสทำโฆษณาในสินค้าเดียวได้มากขึ้น และสามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้อย่างละเอียดในแต่ละประเภทโฆษณาได้ แต่จะเหนื่อยมาก กับคนทำโฆษณาหลายสินค้า และต้องการแยกย่อยไปอีก เหนื่อยแน่นอน
Search Ads, Discovery Ads, Boost Ads เปลี่ยนเป็น Promote My Products แล้วเลือก Placement แทน
ทั้ง Search Ads, Discovery Ads, Boost Ads จะหายไป และโดนแทนที่ด้วยการทำโฆษณาแบบ Promote My Products แทน แต่ว่าไม่ได้หายไปเลย เพียงแต่ด้านในของ Promote My Products เราก็สามารถเลือก Placement ย่อย ๆ ได้ ถ้าหากให้เทียบจากโฆษณาของเดิม ก็จะได้แบบนี้
- Search Ads > Search Placement
ตอนสร้างก็สามารถเลือกที่ Promote My Products แล้วตรง Placement เลือกที่ Search ซึ่งแบบใหม่นั้นจะมีให้เลือก Auto Bidding กับ Manual Bidding แยกขาดกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะต่างจากแบบเก่า โดยแบบ Manual Bidding ฏ็จะยังสามารถใส่คีย์เวิร์ด และ Bidding เป็นรายคีย์เวิร์ดได้อยู่ - Discovery Ads > Discovery Placement
การเลือก Discovery Placement นั้น ก็คล้ายกับ Search เลย โดยยังมีการทำ Manual Bidding และ Auto อยู่ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง - Boost Ads > All Placement
Boost Ads ในคือการทำโฆษณาร่วมกันทั้ง 2 Placements นั่นคือทั้ง Search และ Discovery ไปพร้อม ๆ กัน เลยแปลงร่างมาเป็น All Placement นั่นเอง และพิเศษไปอีกตรงที่ All Placement ก็ยังสามารถตั้งค่าแบบ Manual ได้แล้ว แถมยังสามารถกด Pause โฆษณาได้ชั่วคราว ต่างจากเมื่อก่อนทีต้องหยุดไปเลย และเลือกเปลี่ยนงบประมาณหลาย ๆ สินค้าในทีเดียวได้แล้ว และราคา Budget ต่อวันเริ่มต้นที่ 40 บาท จากเมื่อก่อนที่ 20 บาท
ลาก่อน Total Budget เหลือไว้เพียง Daily Budget และ No Limit
สิ่งที่หายไปจริง ๆ นั่นคือ Total Budget คือการจะใช้เงินในแต่ละเดือนว่าจะใช้เท่าไรในสินค้าชนิดนี้ เหลือเพียงไว้แค่ Daily Budget และ No Limit เท่านั้น แต่อันนี้สำหรับผู้เขียนเองนั้นไม่ได้มีผลกระทบเลย เพราะโดยปกติใช้แต่แบบ Daily Budget อยู่แล้ว เนื่องจากการทำ Shopee Ads มักจะมีวันที่เป็นวัน Double Day, Mid Month และ Pay Day ที่แต่ละวันจะใช้เงินไม่เท่ากัน แตกต่างโฆษณาบน Social Media ที่การตั้ง Budget แบบ Campaign Budget หรือ Total Budget จะเป็นที่นิยมกว่ามาก
Shopee Ads แบบใหม่ สามารถลบโฆษณาได้แล้ว ไม่ได้เพียงแค่หยุดโฆษณา
เมื่อก่อนเราจะทำได้เพียงแค่หยุดโฆษณา แล้วก็จะคาอยู่อย่างนั้น แต่ทว่าตอนนี้ เราสามารถลบโฆษณาได้แล้ว แต่ว่าการลบจะมีข้อเสียอยู่นั่นคือ ถ้าลบไปแล้วภายใน 2 สัปดาห์ จะมีการลบข้อมูลผลลัพธ์การโฆษณาที่ผ่านมาด้วย เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดี เพราะอาจมีผลต่อการทำรีพอร์ตได้
สามารถกำหนด Target ROAS ได้ (เฉพาะร้านค้าที่ทาง Shopee Whitelist ให้ก่อน)
Shopee Ads แบบใหม่ การตั้ง Target ROAS จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ ให้ Shopee เลือกให้ กับเรากำหนดเอง แต่ส่วนตัวก็เลือกแบบอัตโนมัติอยู่ดี เพราะว่าโดยปกติแล้วการทำโฆษณาที่เน้น ROAS แบบอัตโนมัติ มักจะทำให้ ROAS สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่โฆษณายังรันได้ดีอยู่ แต่ถ้าเราไปกำหนดแบบดื้อ ๆ โดยที่ไม่ดู ROAS ที่ผ่านมา ก็อาจจะทำให้โฆษณาไม่รันเลยก็ได้
Audience Targeting ที่มาใหม่ แต่ก็ไม่ได้ใหม่จริงขนาดนั้น (เฉพาะ Whitelist)
สำหรับ Audience Targeting เหมือนจะเป็นเรื่องใหม่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ใหม่ขนาดนั้น เพราะว่าจริงๆแล้วใน Shopee Ads ของโฆษณาแบบ Discovery แบบเดิม ก็สามารถเลือก Targeting ได้อยู่แล้ว พอมาเป็นโฆษณาแบบ Product Ads ก็จะสามารถนำกลุ่มเป้าหมายไปใช้กับโฆษณาที่เป็น Search, Discovery และ All Placement ได้ ก็เรียกได้ว่ามีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเลือกอายุ เพศ ประเภทของผู้ซื้อและการเพิ่ม Premium Rate ได้เหมือนกัน แต่ในส่วนของ Targeting แบบละเอียด Shopee Ads ที่มีอยู่ ยังไม่สามารถเลือกได้ เป้นเพราะตอนนี้ให้ใช้เฉพาะ Whitelist บางแอคเคานท์เท่านั้น
Shop Ads โดนแยกออกมาเดี่ยว ๆ แล้ว ไม่ได้อยู่ภายใต้ Search Ads เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
Shop Ads นั้นนอกเหนือจากจะโชว์ในหน้าผลลัพธ์การค้นหาแล้ว แบบใหม่ยังโชว์เพิ่มใน Shopee Fruit Game เพิ่มเติมด้วย ส่วนการ Bidding ก็มีให้เลือกแบบ Auto รวมไปถึงแบบ Manual ที่สามารถใส่คีย์เวิร์ดเองได้เหมือนเดิม ส่วนรูปแบบโฆษณาก็ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก
ข้อดีข้อเสียที่เจอใน Shopee Ads แบบใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงไป
ข้อดี
- หนึ่งสินค้าสามารถทำโฆษณาได้หลายแบบแยกย่อยมากขึ้น
- โฆษณาแบบ All Placement (Boost Ads) ปรับงบหลายโฆษณาได้พร้อมกัน และหยุดโฆษณาได้ชั่วคราว
- สามารถลบโฆษณาได้แล้ว
- หน้า Dashboard รวม มี ROAS โชว์แล้ว แต่เฉพาะทุกโฆษณารวมกัน
ข้อเสีย
- ดูภาพรวมของแต่ละโฆษณาไม่ได้ เช่นถ้าจะดู ROAS ของโฆษณา Search อย่างเดียว ดูไม่ได้ต้องดาวน์โหลดโฆษณามาคำนวณเอง
- ถ้าทำโฆษณาเยอะ แยกย่อยเยอะ ก็ยิ่งจะจัดการลำบากเหมือนเดิม
สรุป เมื่อ Shopee Ads แบบใหม่ เปลี่ยนแปลง เราต้องรับมือกับอะไรบ้าง
เท่าที่ดูภายนอก Shopee Ads แบบใหม่ อาจจะเหมือนการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก แต่ในความเป็นจริงนั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ของ Shopee Ads จะเป็นเรื่องของรายละเอียดมากกว่า เพราะภาพรวมโฆษณาเหมือนเดิม ประเภทการโฆษณาเหมือนเดิม แต่มีการเพิ่มเติมในสิ่งหลายคนขอมากนาน แต่บางอย่างก็หายไปเช่นเดียวกัน สิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อมนั่นคือ เราต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมารูปแบบไหน ของแค่เราเข้าในภาพรวมของเครื่องมือ รวมไปถึงศึกษารายละเอียด ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะมาอย่างไรก็ตาม เราก็จะรับมือได้
ที่มาบางส่วน [1]
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time