ใช้ Automated Rules ใน Meta Ads สำหรับการทำ CPAS การทำโฆษณาส่วนที่เป็น eCommerce นอกเหนือจากการทำโฆษณาแบบ On- platform แล้ว (เช่นโฆษณาบนแพลตฟอร์ม eCommerce โดยตรง) ก็ยังมีโฆษณา Off-platform (โฆษณาอื่นนอกเหนือจากบนแพลตฟอร์ม eCommerce)
ซึ่ง Meta Ads (Facebook Ads) เรียกได้ว่าเป็นโฆษณา Off-Platform ที่คนทำ eCommerce ได้เลือกใช้เป็นจำนวนมาก เพราะว่ามีระบบเชื่อมต่อแคตตาล็อก พร้อมทำโฆษณาที่หลายคนรู้จักว่าคือ CPAS เพื่อดึงคนให้ซื้อสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งในคอนเทนต์นี้จะพูดถึงเรื่องการ ใช้ Automated Rules ใน Meta Ads เพื่อให้การทำโฆษณา CPAS ของเราสะดวกมากยิ่งขึ้น การ Optimize ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
จริง ๆ แล้วถึงแม้คอนเทนต์นี้จะกล่าวถึง Automated Rules บน Meta Ads (Facebook Ads) เป็นหลักก็จริง แต่ก็สามารถนำไปปรับใช้กับ Automated Rules บนแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Google Ads ก็ได้เช่นกัน
ใช้ Automated Rules ใน Meta Ads สำหรับการทำ CPAS จะใช้ในกรณีไหนได้บ้าง
- จัดการเรื่องของวันที่ของโปรโมชั่น ที่เริ่มต้นกับสิ้นสุดไม่เหมือนกัน ให้หยุด Ads อัตโนมัติ
- ปรับงบเพิ่มขึ้นสำหรับคนที่ใช้งานแบบ Daily Budget สำหรับวันที่ต้องการเพิ่มงบ
- ใช้ Automated Rules ปิด Ads เมื่อ Cost per Purchase / Cost per Conversion สูงกว่าที่กำหนด
- สรุป ใช้ Automated Rules ในแง่ไหนได้บ้าง และควรใช้ดีไหม?
จัดการเรื่องของวันที่ของโปรโมชั่น ที่เริ่มต้นกับสิ้นสุดไม่เหมือนกัน ให้หยุด Ads อัตโนมัติ

เป็นเรื่องพื้นฐานเลยที่หลายคนอาจจะต้องเจอ ว่าเอ๊ะ โฆษณาที่ชั้นเลเวลของ Ads นั้นมีหลายชิ้น และแต่ละอันมีโปรโมชั่นระยะเวลาที่ไม่เหมือนกัน แล้วโดนบังคับว่าจะต้องทำโฆษณาในแคมเปญเดียวกัน จะจัดการปัญหานี้ยังไงดี เพราะไม่งั้นเราก็จะต้องมานั่งปรับแบบ Manual ด้วยตนเอง บอกเลยว่ามีโอกาสผิดพลาดสูง เลยขอจำลองการใช้งาน Automated Rules ดังนี้
ยกตัวอย่างเช่น
1. Ads แบบ Always On ที่รันทั้งเดือน
2. Ads โปรโมชั่น สินค้า A เริ่มวันที่ 11-15
3. Ads โปรโมชั่น สินค้า B เริ่มวันที่ 9-12
จะเห็นว่าการโฆษณาข้อ 2, 3 มีการเหลื่อมวันกันเล็กน้อย แน่นอนว่าการใช้ Automated Rules นั้นจะช่วยให้สะดวกขึ้นมากวิธีการก็ไม่ได้ยาก สมมติว่าจะเลือก Ads ข้อ 2 กำหนดวันเริ่ม ก็ทำตามนี้
- ไปที่ Ads ที่เราต้องการ เลือกหลาย Ads ได้
- กดที่ More > เลือกเมนู Create Automated Rules
- Action เลือก Turn on Ads
- Conditions เลือกเป็น Current Time / is Greater Than / เลือกวันเวลาที่กำหนด เช่น 11 มค 2025 เวลา 6:00 AM
- Time Range อันนี้สำคัญ คือจะให้ Rules นี้ จะใช้งานถึงเมื่อไร แนะนำว่าถ้าเราสร้าง Rule นี้วันที่ 5 และต้องการให้เปิดวันที่ 11 อาจจะเลือก Last 7 Days ก็เพียงพอ (อย่าลืมว่าเราถ้าทำ Rule แบบ นี้อีกครั้ง แต่เป็นการปิด Ads อัตโนมัติ ถ้าคุณเลือกแบบ Maximum หรือยาวนานมาก ๆ จะกลายเป็นว่า Ad นี้จะโดนเปิดอีก เพราะ Rules นั้นเข้า Condition นั่นเอง)
- Schedule จะกำหนดให้ Rules นี้ทำงานเมื่อไร ส่วนตัวเลือกเป็น Continuously
- จากนั้นกด Create ก็เรียบร้อย
นี่คือการสร้างเฉพาะวันที่จะเปิด Ads เท่านั้น เราก็ต้องทำอีกครั้งโดยเปลี่ยนเป็นเลือกให้ปิด Ads แทน เท่านี้ ก็จะเป็นการสร้าง Automated Rules แบบง่าย ๆ (ง่ายมั้ยนะ) ที่เราไม่ต้องเปิดปิดโฆษณาเองอีกต่อไป
หลายคนอาจจะบอกว่า จริง ๆ ก็แค่แยก Campaign ใหม่มาจะง่ายกว่าไหม ซึ่งเราก็ต้องว่าแน่นอนว่าทาง Digital Break Time เอง ก็ทำแบบนั้น ถ้าเป็นโปรโมชั่นหลักอย่าง Double Day, Mid Month หรือ Pay Day ก็ตาม เพราะส่วนนี้งบประมาณจะถูกแบ่งออกมาตายตัว แต่ทว่าพอเป็นแคมเปญที่ไม่มีความแน่นอนอย่างเช่นมีแคมเปญที่ต้องรันแบบ Always On คือรันตลอดทั้งเดือน ไม่ได้เน้นโปรโมชั่นมากนัก แต่ต้องการแทรก Ads ที่เป็น โปรโมชั่นเข้าไปตามระยะเวลาที่จะรัน ก็จะเริ่มเป็นโจทย์ที่ยากขึ้น จะแยก Ad Set ออกมาก็อาจจะมีหลายกลุ่มเป้าหมาย หรือถ้าเราใช้การทำงานแบบ Campaign Budget Optimization ที่เงินจะโดนกระจายออกไปทุก Ad Group การแยก Budget ที่ Ad Group ที่อาจจะไม่ใช่คำตอบ ดังนั้นถ้าเป็นในเงื่อนไขนี้ Automated Rules น่าจะดีกว่า
ปรับงบเพิ่มขึ้นสำหรับคนที่ใช้งานแบบ Daily Budget สำหรับวันที่ต้องการเพิ่มงบ

ใครที่ทำส่วนของ eCommerce Ads ก็มักจะรู้กันดีว่า วันที่มีผลมาก ๆ ต่อการปรับ Budget ขึ้นหรือลง เพราะว่าในช่วงเวลาบางแคมเปญอย่าง Double Date, Mid Month, Pay Day นั้นจะมีการปรับ Budget ที่ให้ใช้งานมากขึ้น เพื่อให้โฆษณาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้เงินมากขึ้นในช่วงโปรโมชั่น หวังผลลัพธ์ที่เกิดยอดขายได้สูงขึ้นนั่นเอง
ซึ่งการที่จะให้ปรับเงินได้นั้นสำหรับคนที่ใช้ Campaign หรือ Ad Set แบบใช้งบแบบ Daily Budget ก็เราสามารถใช้ Automated Rules มาช่วยได้เยอะ โดยใช้วิธีเดียวกับข้อแรกได้เลย แต่เลือกที่แคมเปญหรือ Ad Set แทน จากนั้นก็เลือกว่าจะให้ปรับงบขึ้นเท่าไร ในระยะเวลาที่เราตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อไร ถ้าตั้งค่าในเงื่อนไขที่ถูกต้อง ระบบ Automated Rules ก็จะช่วยปรับ Budget ขึ้นได้ตามวันที่เราต้องการ
แต่วิธีนี้ก็ต้องระมัดระวังนิดนึง พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Budget ต้องดูในเรื่องของว่าปรับ Budget ขึ้นเป็นเท่าไร กี่ % หรือตามกำหนดจำนวนเงิน และกำหนดเงินต่อวันสูงสุดที่รับได้ รวมไปถึงการปรับ Budget นั้นจะให้มีผลทุก ๆ กี่ครั้ง และระยะเวลาที่ Rules นี้จะ Active ไปจนกว่าจะหมดเมื่อใด สุดท้ายก็จำเป็นต้องสร้าง Rules สำหรับลด Budget มาด้วยนั่นเอง ทั้งหมดนี้ก็เรียกได้ว่าต้องคิดพอสมควร ถ้าใครกลัวว่าจะพลาดใช้เงินเยอะ ลองสร้าง Rule แบบง่าย ๆ ขึ้นมากก่อน แล้วลองใช้กับแคมเปญที่จำนวนเงินไม่มากนัก ก็จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้
ใช้ Automated Rules ปิด Ads เมื่อ Cost per Purchase / Cost per Conversion สูงกว่าที่กำหนด

หลายคนที่ทำการ Optimize Ads นั้น ก็มักจะมองในเรื่องของ Cost per Purchase / Cost per Conversion ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าใครก็อยากให้ Cost per Purchase มีจำนวนน้อย ๆ เพื่อเกิดการขายได้เยอะ ๆ หลักการ Optimize ที่ง่ายนั่นคือทำโฆษณาหลายรูปแบบ หรือเลือกหลายกลุ่มเป้าหมาย แล้วกลุ่มเป้าหมายหรือโฆษณาไหนไม่ดีก็ทยอยปิดไปก็เท่านั้น
ซึ่งเราไม่ต้องทยอยปิด Ads หรือ Ad Set เอง อีกต่อไป วิธีทำคล้ายกัน ก็เลือกที่ Ad Set / Ads ที่เราต้องการ แล้วเลือก Create Rules จากนั้นก็เลือกว่า Cost per Result (หรือจะเลือก Cost per อย่างอื่นตามที่เราต้องการก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้หน่วยการวัด Purchase แบบไหน) จากนั้นก็ เลือกว่า Cost per Result เมื่อเกินจำนวนเท่าไรแล้วถึงให้ปิดโฆษณา ที่เหลือก็เลือกช่วง Schedule และ Time Range ให้ดี เท่านี้ Automated Rules ให้ปิดโฆษณาอัตโนมัติเมื่อผลลัพธ์โฆษณาไม่ดี ก็จะทำงานตามที่เราตั้งเอาไว้
แต่บอกไว้ก่อนว่าวิธีนี้ต้องเข้าใจว่าการนับ Conversion และ Cost per Conversion จาก Meta Ads นั้นมีระบบนับ Conversion Window ที่แตกต่างจากบน eCommerce Platform โดยตรง นั่นหมายความว่าถ้าเราวัด Conversion จากทางฝั่ง Meta Ads นั้น มักจะมี Conversion ที่เยอะกว่า จากฝั่งการนับผ่าน UTM ของ eCommerce Platform เลยทำให้ฝั่ง Cost per Purchase / Cost per Conversion น้อยกว่าความเป็นจริง การใช้ Automated Rules เลยจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงในหัวข้อนี้ด้วยเช่นกัน
สรุป ใช้ Automated Rules ในแง่ไหนได้บ้าง และควรใช้ดีไหม?
จริง ๆ แล้วนั้น ใช้ Automated Rules สามารถทำได้มากกว่านี้เยอะเลย เรียกได้ใครที่ใช้เก่ง หรือเซียนแล้ว จะทำให้การ Optimize Ads ของเราง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังสามารถนำไปปรับใช้งานกับพวกโฆษณาสาย Lead ได้ด้วยที่เน้นเรื่องของการหาคน ก็ทำได้เช่นกัน เรียกว่าเป็นวิธีที่หลายคนอาจจะมองข้ามในช่วงแรก เพราะเข้าใจเลยว่าการสร้าง Automated Rules นั้นต้องใช้ความรู้ และมีข้อจำกัดที่มากเหมือนกัน แต่ถ้าชินแล้ว มีประสบการณ์ในการทำ Automated Rules จะพบเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทุ่นแรงเราได้มากในการ Optimize โฆษณาให้ผลลัพธ์โฆษณาดียิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ทางฝั่ง Meta Ads เท่านั้น Google Ads ก็มี Automated Rules ด้วยเช่นกัน (ใน Google Ads อยู่ที่ Tools > Bulk Action > Rules) ส่วนระบบโฆษณาใหญ่อื่น ๆ ส่วนมากก็มี Automated Rules ดังนั้น ถ้าใช้งานเป็น ก็สามารถนำไปปรับใช้งานกับแพลตฟอร์มโฆษณาอื่นได้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time