Keyword คืออะไร ? รู้จักความสำคัญของคีย์เวิร์ด ไม่ว่าจะทำ Content ในรูปแบบไหน เชื่อว่าถนนทุกสาย แทบจะเริ่มจาก Keyword! วันนี้ผมเลยขอพาทุกคนมาปูพื้นฐานไปพร้อมกัน ว่าคำว่า Keyword ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ในวงการ Content Marketing จริงๆ แล้วมันสำคัญอย่างไร แล้วเราควรจะเลือกใช้อย่างไร
Keyword คืออะไร ? รู้จักความสำคัญของคีย์เวิร์ด ประเภท และวิธีการเลือกใช้
Keyword คืออะไร คีย์เวิร์ดในมุมมองของ Content Marketing
Keyword ความหมายตรงตัวของมันคือ คำที่เป็นคำสำคัญของหัวข้อต่างๆ แต่ถ้าจะอธิบายในมุมของการทำ Content Marketing Keyword ก็คือ คำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการหาสินค้า บริการ หรือบทความความรู้ต่างๆ ซึ่งในมุมของคนทำคอนเทนต์หรือเว็บไซต์ การเลือกใช้ Keyword ที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้เนื้อหาถูกพบได้ง่ายขึ้น
ความสำคัญของ Keyword
Keyword ไม่ได้มีแค่บทบาทในการดึงคนเข้ามาเจอเนื้อหา แต่ยังสะท้อนถึง “ความต้องการ” ของผู้ค้นหา ทำให้เราสามารถวางแผนเนื้อหา การตลาด หรือแม้แต่กลยุทธ์ธุรกิจได้ตรงใจมากขึ้นนอกจากนี้ การวางแผน Keyword ที่ดี ยังช่วย:
- เพิ่มโอกาสติดอันดับการค้นหา (SEO Ranking)
- ลดต้นทุนการทำโฆษณาออนไลน์
- เจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- ขยายการมองเห็นไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ นอกเหนือจาก Google
หลายคนอาจคิดว่า Keyword สำคัญเฉพาะกับการค้นหาบน Google เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram หรือแม้แต่ Marketplace อย่าง Lazada, Shopee ก็ใช้ระบบการค้นหาที่อ้างอิงจาก Keyword เช่นกัน หากเลือกใช้ Keyword ได้อย่างเหมาะสม โอกาสที่คอนเทนต์จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ก็จะยิ่งสูงขึ้น
ประเภทของ Keyword
จริงๆ แล้ว Keyword มีหลากหลายประเภท และบางแห่งก็แบ่งประเภทไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน แต่จากประสบการณ์ของผม ผมขอแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
Generic Keyword
เป็นคีย์เวิร์ดที่กว้างและมีการแข่งขันสูง เช่น “รองเท้า” “ครีมบำรุงผิว” “กล้องถ่ายรูป” คำพวกนี้มีคนค้นหาเยอะ แต่ก็กว้างมากจนยากที่จะแข่งขันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าเว็บไซต์ของเรายังใหม่
Long-Tail Keyword
เป็นคีย์เวิร์ดแบบเจาะจงขึ้นมา มีความยาวมากกว่า 2-3 คำ เช่น “รองเท้าวิ่ง ผู้ชาย” หรือ “ครีมบำรุงผิวสำหรับคนเป็นสิว” ถึงแม้ว่าจำนวนคนค้นหาจะน้อยกว่า Generic Keyword แต่มีโอกาสติดอันดับสูงกว่า เพราะการแข่งขันน้อย และตรงกับความต้องการจริงๆ ของผู้ค้นหา
แต่ก็จะมี Keyword ประเภทอื่นๆ ที่อาจจะถูกนำไปใช้ต่างวาระต่างโอกาส เช่น
Brand Keyword: คำค้นหาที่มีชื่อแบรนด์อยู่ด้วย เช่น “Nike รองเท้าวิ่ง”, “iPhone 15”
Local Keyword: คำค้นหาเฉพาะพื้นที่ เช่น “ร้านกาแฟ พะเยา”, “อู่ซ่อมรถ เชียงใหม่”
Seasonal Keyword: คำค้นหาตามช่วงเวลา เช่น “ของขวัญวันปีใหม่”, “ชุดฮาโลวีนสำหรับเด็ก”
และพอทำงานไปเรื่อยๆ ก็จะเจอว่ามี Keyword อีกหลายประเภทมากๆ ซึ่งถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้สำหรับทำบทความ, ใช้ในการเซ็ต Ads เป็นต้น
เลือก Keyword ยังไง?
การเลือก Keyword ควรเริ่มจากการเข้าใจกลุ่มเป้าหมายก่อน ว่าเขาจะค้นหาอะไร แล้วค่อยหา Keyword ที่ตรงกับสิ่งนั้น โดยพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:
- ปริมาณการค้นหา (Search Volume) มากหรือน้อย
- ความยากในการแข่งขัน (Competition) สูงหรือต่ำ
- ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาและสินค้า/บริการของเรา
- ความตั้งใจของผู้ค้นหา (Search Intent) เช่น หาข้อมูล เปรียบเทียบ หรือซื้อทันที
แล้วค่อยพิจารณาเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมกับเป้าหมายในการทำงานของเรา
แนะนำเครื่องมือทำ Keyword Research
Google Keyword Planner: เครื่องมือฟรีจาก Google ที่แสดงปริมาณการค้นหาและการแข่งขันของ Keyword ใครทำ Google Ads อยู่แล้วน่าจะคุุ้นเคยดี
Ahrefs: เครื่องมือวิเคราะห์ SEO ที่มีฟีเจอร์ Keyword Explorer
SEMrush: ช่วยวิเคราะห์ Keyword ของคู่แข่งและแนะนำ Keyword Idea
Ubersuggest: เครื่องมือที่มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้แบบจำกัด มีฟีเจอร์ช่วยคิด Keyword Idea เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น (อันนี้ผมใช้บ่อยเพราะหน้าตาดูเข้าใจง่าย)
Google Trends: ไว้ช่วยดูแนวโน้มความนิยมของ Keyword ในช่วงเวลาต่างๆ
สรุป Keyword คืออะไร ? รู้จักความสำคัญของคีย์เวิร์ด
Keyword ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในการทำ Content Marketing ทั้งในเชิงเทคนิค และในแง่มุมของการที่ช่วยให้คนทำงานมีจุดยืน จุดยึดเหนี่ยว หรือทิศทางในการทำงานด้วยเช่นกัน
และเรื่องราวของ Keyword ก็จะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้เราได้เรียนรู้กันไปอีกเรื่อยๆ ยังไงถ้ามีเรื่องราวน่าสนใจหรือเทคนิคใหม่ๆเกี่ยวกับ Keyword เดี๋ยวผมจะนำมาเล่าให้ทุกคนฟังอีกครั้งนะครับ
ติดต่อ Digital Break Time เพื่อรับบริการ Digital Marketing จากเรา
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
