AI Overviews ผลกระทบ แค่ไหน “สะดวกคนเสิร์ช สะเทือนคนทำงาน” นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับการมาของ AI Overviews ฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่สามารถสรุปคำตอบจากหลายเว็บไซต์มาแสดงตรงหน้าแรกของการค้นหา โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกเข้าไปอ่านบทความเต็ม ผลที่ตามมาคือหลายเว็บไซต์เริ่มเห็น Traffic และคลิกที่ลดลง จนเกิดคำถามใหญ่ขึ้นมาว่า AI Overviews ส่งผลกระทบ ต่อเจ้าของเว็บและคนทำ SEO จริง ๆ แล้วรุนแรงแค่ไหน และควรปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรับมือ
บทความนี้เป็นการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลและความคิดเห็นส่วนตัว โปรดใช้ดุลยพินิจในการอ่าน
AI Overviews ผลกระทบ ต่อคนทำ SEO แค่ไหน? ควรปรับตัวอย่างไร
- ชวนวิเคราะห์จากข่าว AI Overviews มีผลเสียต่อเว็บไซต์เราจริงหรือไม่?
- AI Overviews ทำงานอย่างไร? ทำไมถึงทำให้ Traffic / Click ลดลง
- ชวนวิเคราะห์ AI Overviews มีผลเสียต่อเว็บไซต์เราจริงหรือไม่?
- ข้อดีที่เว็บไซต์ได้จากการมีอยู่ของ AI Overviews
- แนวทางที่คนทำ SEO ต้องปรับตัว
- สรุป แนวโน้ม AI Overviews ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ชวนวิเคราะห์จากข่าว AI Overviews มีผลเสียต่อเว็บไซต์เราจริงหรือไม่?
ข่าวเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้ที่ผมได้รับรู้มาคือ Google เผชิญหน้ากับคดีความเกี่ยวกับฟีเจอร์ AI Overviews จากสำนักพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐฯ โดยบริษัทที่ยื่นฟ้องเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังหลายแห่ง เช่น Rolling Stone, Variety, Billboard และ The Hollywood Reporter ที่มีชื่อว่า Penske Media
โดยข้อกล่าวหาหลัก คือ :
- Google ใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ของ Penske Media อย่างผิดกฎหมาย เพื่อสร้างคำตอบสรุปในฟีเจอร์ AI Overviews
- ฟีเจอร์ดังกล่าวได้ ดึงดูดปริมาณการเข้าชม (traffic) ไม่ให้ผู้ใช้คลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของ Penske ซึ่งทำให้ รายได้ของบริษัทลดลง Penske อ้างว่า affiliate revenue ลดลงกว่าหนึ่งในสามจากช่วงสูงสุด
คดีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Google ถูกสำนักพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ยื่นฟ้องโดยตรงเกี่ยวกับความสามารถด้าน AI ในการค้นหา แต่ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีขัดแย้งเกิดขึ้นเหมือนกัน เช่น OpenAI หรือ Anthropic ก็เคยเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ในลักษณะเดียวกันมาแล้ว
ข่าวนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเจ้าของเว็บเริ่มมองว่า AI Overviews คือ “คู่แข่ง” โดยตรง เพราะทำให้ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องคลิกเข้ามายังหน้าเว็บไซต์อีกต่อไป
AI Overviews ทำงานอย่างไร? ทำไมถึงทำให้ Traffic / Click ลดลง

AI Overviews คือ ฟีเจอร์ใหม่ของ Google ที่ใช้ AI ในการสรุปข้อมูลจากหลายเว็บไซต์แล้วแสดงคำตอบที่ครอบคลุมอยู่ด้านบนของผลการค้นหา โดยกระบวนการทำงานของ AI Overviews มีลักษณะเฉพาะคือ ระบบจะวิเคราะห์เนื้อหาจากหลายแหล่งข้อมูล สกัดเอาประเด็นสำคัญ แล้วนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งแสดงลิงก์อ้างอิงแหล่งที่มา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการให้เครดิตเว็บไซต์ต้นฉบับ
แต่ปัญหาที่มีการอ้างว่าเกิดขึ้นคือ เมื่อผู้ใช้ได้รับคำตอบที่สมบูรณ์จาก AI Overviews แล้ว ก็มักไม่รู้สึกจำเป็นต้องคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาเต็มในเว็บไซต์ต้นฉบับ ส่งผลให้อัตรา Click-through Rate ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ AI Overviews ยังครอบครองพื้นที่แสดงผลส่วนแรกๆ บนหน้าจอ ทำให้ผลการค้นหาแบบดเดิมถูกผลักลงไปอยู่ด้านล่าง ผู้ใช้จึงมีแนวโน้มที่จะเลื่อนดูหรือคลิกผลการค้นหาปกติน้อยลง
ชวนวิเคราะห์ AI Overviews มีผลเสียต่อเว็บไซต์เราจริงหรือไม่?
การประเมินผลกระทบของ AI Overviews ต่อเว็บไซต์แต่ละประเภทนั้นต้องพิจารณาหลายปัจจัย ต้องบอกว่าไม่สามารถสรุปได้แบบเหมารวมว่าเป็นผลเสียทั้งหมด
เว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนตัวผมคิดว่ามักเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาประเภทตอบคำถามตรงไปตรงมา เช่น เว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์ให้ข้อมูลทั่วไป หรือเว็บไซต์ที่อธิบายขั้นตอนการทำสิ่งต่างๆ เนื่องจาก AI สามารถสรุปและนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาเชิงลึก การวิเคราะห์ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ส่วนตัว อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะผู้ใช้ยังคงต้องการอ่านรายละเอียดเต็มรูปแบบจากเว็บไซต์ต้นทาง
แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเชิงลบที่ชัดเจนคือ การลดลงของ Organic Traffic ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้จากโฆษณาและการขายสินค้าออนไลน์โดยตรง
ข้อดีที่เว็บไซต์ได้จากการมีอยู่ของ AI Overviews
แม้ว่า AI Overviews จะสร้างความไม่สบายใจให้กับเว็บไซต์หลายแห่ง แต่ก็มีข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามอยู่เหมือนกัน เช่น
- เพิ่มการมองเห็น (Visibility): เว็บไซต์ที่ถูกอ้างอิงใน AI Overviews จะเหมือนได้เครดิตและมีโอกาสสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น
- ดึงดูดผู้ใช้ที่สนใจจริง: หากผู้ใช้คลิกจาก AI Overviews เข้ามาในเว็บ หมายความว่าเป็น Traffic ที่มีคุณภาพสูง มีความสนใจในเนื้อหาเราจริงๆ
- โอกาสใหม่ในการทำ SEO: การปรับเนื้อหาให้เหมาะกับ AI Overviews อาจช่วยให้เว็บได้เปรียบคู่แข่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงอันดับการค้นหาก็ได้
แนวทางที่คนทำ SEO ต้องปรับตัว

1. เน้นการทำคอนเทนต์เชิงลึก ที่ AI สรุปไม่ได้ทั้งหมด
AI สามารถดึงประเด็นสั้น ๆ มาแสดงได้ แต่สิ่งที่ยังทำไม่ได้คือการให้ รายละเอียดเชิงลึก มุมมองเฉพาะ หรือประสบการณ์จริง
ตัวอย่างเช่น บทความรีวิวเชิงเปรียบเทียบจากประสบการณ์ผู้ใช้งานจริง หรือข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่ละเอียดเกินกว่าที่ AI จะสรุปให้ครบถ้วน รวมถึงคอนเทนต์ที่มีคุณค่ามากกว่าสรุปสั้น ๆ จะดึงดูดให้ผู้อ่านคลิกเข้ามายังเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
2. ลงทุนใน Branding เพื่อสร้างฐานผู้ติดตามที่ไม่พึ่งพา Google เพียงอย่างเดียว
การทำ SEO เพียงอย่างเดียวอาจไม่พออีกต่อไป เว็บไซต์ต้องสร้าง ตัวตนและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ไปด้วย เพื่อให้ผู้ใช้ที่รู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์จะเข้าหาคอนเทนต์โดยตรง ไม่ต้องผ่าน Google ทุกครั้ง และการสร้างคอนเทนต์ตาม E-E-A-T ยังคงสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งผู้ใช้และอัลกอริทึมให้ความสำคัญ
3. กระจาย Traffic ไปยังช่องทางอื่น
อย่าพึ่งพา Search เพียงช่องทางเดียว การกระจาย Traffic ผ่านช่องทางอื่นช่วยลดความเสี่ยง หากเกิดความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- Social Media: ใช้แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, TikTok หรือ LinkedIn ในการโปรโมทบทความ
- Email Marketing: สร้าง Newsletter Email เพื่อดึงผู้ติดตามกลับมาอ่านคอนเทนต์โดยตรง
- Community & Forum: การสร้างกลุ่มออนไลน์หรือ Community ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ช่วยสร้าง Traffic ที่ยั่งยืนและมี Engagement สูง
4. ปรับโครงสร้างเนื้อหาให้ตอบคำถามสั้น กระชับ
อย่างที่บอกว่า AI Overviews ก็มีข้อดีที่จับต้องได้เช่นกัน การเขียนเนื้อหาในรูปแบบ Q&A, Bullet Point หรือสรุปสั้น ๆ เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ถูกเลือกไปแสดงใน AI Overviews
ตัวอย่างเช่น การใช้ H2/H3 เพื่อตอบคำถามที่ผู้ใช้ค้นหาบ่อย หรือการสอดแทรกสรุป Key Takeaway หรือ Highlights ตอนท้ายบทความ เพื่อให้ AI นำไปแสดงผลได้ดีขึ้น
สรุป แนวโน้ม AI Overviews ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ฟีเจอร์ AI Overviews ผลกระทบ ต่อ SEO และวงการดิจิทัลนั้นชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายเว็บไซต์อาจสูญเสีย Traffic และรายได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เป็นโอกาสสำหรับคนทำ SEO ที่พร้อมจะปรับตัว การทำคอนเทนต์คุณภาพสูง ตอบโจทย์ผู้ใช้ และสร้างแบรนด์ที่แข็งแรง จะช่วยให้เว็บไซต์ยังคงอยู่รอดและเติบโตได้ในยุค AI Search ที่กำลังมาแรง แต่สุดท้ายแล้วบทความที่ผมเขียนขึ้นนี้ ก็เป็นการวิเคราะห์และคาดเดาจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราก็จำเป็นต้องติดตามข่าวสารกันต่อไป เพื่อให้ปรับตัวได้ทันเมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast





