เปรียบเทียบ Website, Microsite และ Landing Page (Sale Page) ต่างกันแค่ไหน แต่ละอย่างเป็นอย่างไร มีหน้าที่และจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันหรือไม่ การทำเว็บไซต์ถือว่าเป็นหน้าต่างบานแรก ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น แต่ระดับของเว็บไซต์ก็มีแตกต่างกันออกไป ทั้งแบบ Landing Page (Sale Page), Microsite และ Website เราจะมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
เปรียบเทียบ Website, Microsite และ Landing Page (Sale Page) ต่างกันอย่างไร
Landing Page หรือที่นิยมเรียกติดปากว่า Sale Page คืออะไร

คำว่า Landing Page มีความหมาย 2 แบบ ความหมายแรกของคำว่า Landing Page นั้น คือหน้าเว็บไซต์ URL ที่เราเลือกไว้เป็นหน้าแรกที่คนคลิกมาเจอนั่นเอง ส่วนอีกความหมายหนึ่งนั้น หลายคนอาจเรียกว่า Sale Page ก็ย่อมได้ คือหน้าเว็บไซต์เพียงหน้าเดียว ที่ให้รายละเอียดข้อมูล สินค้าหรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้จบภายในหน้าเดียว เพื่อให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการตัดสินใจได้ โดยที่ไม่หลงทาง โดยมักจะมี Call to Action เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่โฆษณาไว้ เช่นสมัครสมาชิก สั่งซื้อสินค้า ลงทะเบียน ฯลฯ
จุดประสงค์ของการทำ Landing Page หรือ Sale Page
จุดประสงค์หลักของการทำ Landing Page หรือ Sale Page นั้น ควรมีแค่อย่างเดียว ไม่ควรมีหลายจุดประสงค์ เพราะอาจทำให้คนที่คลิกเข้ามาเกิดความสับสนได้ ถ้ามีหลายจุดประสงค์ควรแยกหน้า Landing Page ออกไปหน้าหนึ่งเลยจะดีกว่า
การทำ Landing Page หรือ Sale Page ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจเป็นหลัก ถ้าเป็นการขายสินค้า มักจะเป็นสินค้าเพียงชนิดเดียว บอกสรรพคุณ แล้วให้สั่งซื้อผ่านช่องทาง Social Commerce เช่นมีปุ่มทักแชตสำหรับ LINE OA หรือว่าเป็น Messenger แต่ในบางธุรกิจเป็นบริการเป็นหลัก มักจะให้ความรู้เกี่ยวกับบริการและราคาเบื้องต้น พร้อมทั้งมีให้กรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้ทางเซลล์ติดต่อกลับ
ข้อดีของการทำ Landing Page
- ประหยัดเวลาและเงิน
เนื่องจากการทำ Landing Page นั้น เป็นการทำเว็บไซต์แค่หน้าเดียว ไม่ซับซ้อน ไม่มีระบบอย่างอื่นให้ยุ่งยาก การดีไซน์ก็ทำได้ง่าย ถ้ามีความรู้ทางด้านการทำเว็บไซต์เล็กน้อย ก็สามารถทำได้เอง แต่ถ้าจ้างทำก็ใช้เวลาไม่นาน และราคาไม่แพงเท่าทำเว็บไซต์เต็มรูปแบบ - ไม่หลงทาง เพราะมีจุดประสงค์อยู่เพียงอย่างเดียว
การที่เราทำแคมเปญโฆษณามายังหน้า Landing Page ที่เรากำหนดไว้แล้ว แน่นอนว่าคนที่คลิกเข้ามาก็จะไม่หลงทางเพราะมีหน้าเพียงหน้าเดียว และจุดประสงค์การทำโฆษณาก็จะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้เราไม่หลุด สามารถทำ KPI ได้ง่าย ทำงบโฆษณาก็ไม่ยากด้วย
Microsite คืออะไร

หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยิน Microsite ครั้งแรก ไม่คุ้นชินเท่ากับ Landing Page ซึ่ง Microsite นั้นคือเว็บไซต์ แต่เป็นเว็บไซต์ที่มีขนาดเล็ก มีจำนวนหน้าเว็บอยู่ไม่มาก 2-5 หน้า มักจะแยกออกจากหน้าเว็บไซต์หลักอย่างชัดเจน อาจมีการดีไซน์หรือว่าจุดประสงค์หลักที่แตกต่างจากเว็บไซต์หลัก ขึ้นอยู่กับความต้องการด้วย ส่วนมากแล้วฟีเจอร์หรือความซับซ้อนของเว็บไซต์ไม่มากนัก น้อยกว่าเว็บหลัก แต่อาจมากกว่า Landing Page ได้
แล้วทำไมถึงต้องทำ Microsite จุดประสงค์หลักคืออะไร
จุดประสงค์หลักของการทำ Microsite คือการที่มีแคมเปญใหญ่ และต้องการใส่รายละเอียดที่มากขึ้น ทำให้ Landing Page เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการใส่ข้อมูลได้หมดในหน้าเดียว เช่นเราต้องการทำแคมเปญโฆษณาหนึ่ง ชิงรางวัลในระยะเวลา 3 เดือน ต้องการยิงสปอตโฆษณาในทีวี และโฆษณาทาง YouTube ทำให้การสร้าง Microsite ค่อนข้างตอบโจทย์มากที่สุด เพราะเราจำเป็นต้องใส่ข้อมูลรายละเอียดการชิงรางวัล กติกาต่าง ๆ จำนวนของรางวัล มูลค่าของรางวัล แม้กระทั่ง Q&A ต่าง ๆ หรืออาจมีระบบลงทะเบียนการชิงรางวัลใน Microsite ด้วย ซึ่ง Landing Page เพียงอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้
ข้อดีและจุดเด่นการทำ Microsite
- ใส่ข้อมูลและทำระบบได้มากกว่า Landing Page
Microsite คือเว็บไซต์ขนาดเล็ก ที่มีจำนวนหน้าไม่มาก ราว 3-5 หน้า ทำให้เหมาะกับการใส่ข้อมูลได้อย่างครบถ้วน มากกว่า Landing Page และยังสามารถใส่ระบบหลังบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ - ราคาไม่แพงเท่า Website เต็มรูปแบบ
แน่นอนว่าจำนวนหน้าไม่มาก ระบบไม่ซับซ้อน ทำให้ราคาของการทำ Microsite ไม่สูงเท่า Website เต็มรูปแบบ แต่ถ้าเทียบกับ Landing Page ในส่วนของ Microsite ก็จะมีราคาสูงกว่าแน่นอน เป็นราคาที่อยู่ในระดับกลาง ๆ
เปรียบเทียบ Website คืออะไร จำเป็นแค่ไหนที่ต้องทำเว็บไซต์

เว็บไซต์เอาจริงแล้ว ถ้าให้เทียบคือขนาดใหญ่สุด เมื่อเทียบกับ Microsite และ Landing Page สามารถเก็บข้อมูลได้มาก ทำงานได้หลายจุดประสงค์ สามารถแบ่งได้หลาย Section ขึ้นอยู่กับธุรกิจ คือเว็บไซต์มีหลายรูปแบบมาก มีตั้งแต่เน้นขายของเป็น E-Commerce หรือเป็นเว็บไซต์บริษัทที่โชว์ผลงาน เว็บบล็อกเพื่อความรู้ต่าง ๆ
จุดประสงค์ในการทำ Website มีอะไรบ้าง
อย่างที่เรากล่าวไปเบื้องต้น บางเว็บไซต์ทำมาเพื่อขายสินค้าและบริการ เป็นรูปแบบ E-Commerce โดยตรง บางเว็บไซต์เน้นให้ความรู้ หรือเป็นสื่อ บางเว็บเน้นแค่โชว์อย่างเช่นเว็บบริษัทหรือเว็บไซต์ส่วนตัวที่โชว์ผลงาน บางเว็บเน้นการสมัครสมาชิก เพื่อให้เซลล์ติดต่อกลับ
ซึ่งการทำเว็บไซต์นี้ตอบโจทย์การทำธุรกิจหลายรูปแบบมาก ขึ้นอยู่กับความต้องการ สเกลของธุรกิจเป็นหลัก และระบบหลังบ้านสามารถเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ เช่น ระบบสมัครสมาชิก ทำ CRM ต่าง ๆ
เปรียบเทียบ Website และจุดเด่นอื่น
- เพิ่มความน่าเชื่อถือสำหรับองค์กร
การทำเว็บไซต์เต็มรูปแบบสำหรับองค์กร จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มาก เพื่อบ่งบอกตัวตนว่าเราเป็นใคร ทำธุรกิจอะไร มีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ให้คุณค่ากับด้านใดบ้าง ที่ตั้งของธุรกิจเราอยู่ตรงไหน เพราะจะช่วยให้คนที่เข้ามาในเว็บไซต์หรือคนที่สนใจจะซื้อสินค้าและบริการของเรา รวมไปถึงคู่ค้าเกิดความมั่นใจ - ระบบสามารถเพิ่มเติมได้ตามความต้องการและสเกลของเว็บไซต์
สำหรับเว็บไซต์ที่มีความซับซ้อนมาก อย่างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ที่มีการซื้อขายสินค้าภายในเว็บ ระบบหลังบ้านย่อมต้องตอบสนองต่อความต้องการให้มากขึ้นเช่นการนับสต๊อกสินค้า การเชื่อมต่อกับ POS หรือแม้กระทั่งกับขนส่งเองก็ตาม Landing Page และ Microsite ไม่ครอบคลุมถึงจุดนี้ รวมไปถึงเว็บไซต์ที่ต้องการ Lead หรือเน้นการลงทะเบียนเป็นหลัก ก็สามารถใช้ระบบ CRM เพื่อดูขั้นตอนว่าลูกค้าอยู่ในจุดไหน หรือสามารถดูได้ถึงระดับ LTV (Life Time Value) ได้
สรุปง่าย ๆ ตามตารางความแตกต่าง เปรียบเทียบ Website, Landing Page, Microsite

ให้จัดเรียงลำดับตามสเกลจากเล็กสุด ไปใหญ่สุด ก็ต้องเป็น Landing Page > Microsite > Website สำหรับใครที่สงสัยว่าธุรกิจตัวเองทำแบบไหนจะเหมาะที่สุด ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณหาคำตอบได้
ความแตกต่างแต่ละรูปแบบ | Landing Page | Microsite | Website |
---|---|---|---|
ราคา | ต่ำ | กลาง | สูง |
จำนวนหน้า | 1 | 2-5 | ไม่จำกัด |
ระยะเวลาในการทำ | น้อย | ปานกลาง | มาก |
จุดประสงค์ในการทำ | มีเพียงหนึ่งเดียว | เหมาะกับการทำแคมเปญ | มีได้หลายอย่าง |
ระบบหรือส่วนเสริมอื่น | น้อยหรือไม่มี | มีได้บ้าง | จัดเต็ม |
ที่มาบางส่วนจาก [1]
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามข่าวสาร บทความดี ๆ จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time