คอนเทนต์ SEO บทความเก่า เป็นเรื่องปกติ เมื่อเราทำคอนเทนต์บทความลงเว็บไซต์ไปนาน ๆ ก็จะมีคอนเทนต์ที่ติดหน้าแรก แต่อาจจะไม่ใช่อันดับหนึ่ง ซึ่งบางทีก็เป็นคอนเทนต์ขนาดสั้น และเราก็ละเลยมันไป ทำให้หลาย ๆ คอนเทนต์ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้เป็นจำนวนมาก
โดยส่วนตัวการชุบชีวิตคอนเทนต์ SEO จะทำบ่อย เพราะกาลเวลาเปลี่ยน ความรู้ก็ย่อมถูกอัปเดตใหม่ ๆ ซึ่งเราก็พยายามเอาคอนเทนต์ที่มีทราฟิกเข้าเยอะ ๆ อยู่แล้วมาคอยปลุกชีพ คอนเทนต์ SEO ให้ดูสดใหม่เสมอ เป็นผลดีต่อผู้อ่าน และยังเป็นผลดีต่อเว็บไซต์ด้วย เพราะจะช่วยให้อันดับสูงขึ้นและมีทราฟิกเพิ่มมากขึ้นด้วย
ซึ่งการชุบชีวิต คอนเทนต์ SEO บทความเก่าสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
คอนเทนต์ SEO บทความเก่า 4 วิธีปลุกชีพ ให้อันดับดีขึ้น
- อัปเดตความรู้ ขยายความหรือเจาะลึก เขียนเพิ่มเติมให้มากขึ้น
- ลองขยายพื้นที่ Placement ไปยัง Social Media อื่น ๆ โดยปรับ คอนเทนต์ SEO ให้เข้ากับ Platform นั้น ๆ
- ทำรูปใหม่ ทั้งรูปปก และทำ Infographic ให้เข้าใจง่าย
- อย่าลืมเปลี่ยนคนอ่านให้เป็นลูกค้าด้วยการใส่ Call to Action
- สรุป คอนเทนต์ SEO บทความเก่า ให้กลับมาสดใหม่ อย่าได้ละเลย ช่วยทำให้เกิดลูกค้าได้
อัปเดตความรู้ ขยายความหรือเจาะลึก เขียนเพิ่มเติมให้มากขึ้น

คอนเทนต์ SEO บทความเก่า ถ้ามีความล้าสมัย และบทความมันสั้น แต่ยังติดหน้าแรก นั่นหมายความว่าโครงสร้างบทความและเนื้อหาถือว่าดีอยู่แล้ว ขอให้คงใจความเดิมไว้ เพียงแต่จำเป็นจะต้องอัปเดตความรู้และเนื้อหาให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งนี้การเพิ่มความรู้ก็อย่าลืมที่จะเพิ่มเติมเนื้อหา ซึ่งเราสามารถทำได้ทั้งสองแบบนั่นคือการเพิ่มเติมความรู้แบบเจาะลึกขึ้น หรือขยายความรู้ให้กว้างขึ้น ขึ้นอยู่กับการหาข้อมูลของเรา สามารถทำได้เลย
เพราะเมื่อเราอัปเดตคอนเทนต์แล้ว Google จะมองว่าคอนเทนต์นี้มีการปรับเปลี่ยน และถ้าข้อมูลในคอนเทนต์นั้น ๆ มีประโยชน์มากขึ้น ตอบโจทย์ Search Intent ก็จะช่วยให้ลำดับของผลลัพธ์การค้นหาสูงขึ้นได้ด้วย
ลองขยายพื้นที่ Placement ไปยัง Social Media อื่น ๆ โดยปรับ คอนเทนต์ SEO ให้เข้ากับ Platform นั้น ๆ
หลายคนเข้าใจว่า SEO คือการทำคอนเทนต์ในส่วนของเว็บไซต์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว SEO กว้างกว่านั้นมาก รวมไปถึงการทำ SEO กับ Social Media ในแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั่นหมายความว่า ถ้าเราขยายคอนเทนต์ของเรา ลงไปในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็เป็นไปได้สูงมากที่คอนเทนต์ของเราจะติดลำดับการค้นหาในส่วนของหน้าผลลัพธ์การค้นหา ไม่ว่าจะเป็นของ Google เอง หรือบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา Platform อื่น ๆ นั่นหมายความว่าคอนเทนต์เดียวของเราสามารถกระจายไปได้หลายแพลตฟอร์มเลยทีเดียว
แต่ก็ต้องเข้าใจของธรรมชาติในแต่ละแพลตฟอร์มด้วยว่าเป็นอย่างไร คอนเทนต์รูปแบบไหนได้รับความนิยม เช่นถ้าเรามีอคอนเทนต์เก่าในเว็บไซต์อยู่แล้ว ต้องการนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อาจจะหยิบแค่บางส่วนบางตอน มาอัดเป็นวิดีโอ มาลงใน TikTok ไม่เกิน 1 นาที เท่านี้ก็สามารถทำได้ และขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่เราเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม
ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตัวเองเลย เมื่อก่อนทำคอนเทนต์เฉพาะบทความบทเว็บไซต์เท่านั้น ส่วน Social Media ที่เลือกใช้อย่าง Facebook, Instagram, LINEOA มีไว้เพื่อกระจายคอนเทนต์เท่านั้น แต่เมื่อปี 2022 ได้เริ่มการทำคอนเทนต์ Podcast พอดแคสต์ร่วมด้วย โดยมีคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทำร่วมกับพอดแคสต์ ส่วนคอนเทนต์เก่า ๆ ที่เป็นบทความ ก็นำมารีไรท์ อัปเดตคอนเทนต์ และเพิ่มเติมในส่วน Podcast ลงใน Podbean, Apple Podcast, Spotify, YouTube ขึ้นมาด้วย ทำให้เวลาค้นหาทั้งใน Google Search เอง ก็บ่อยมาก ที่วิดีโอใน YouTube ก็กลับมาติดในหน้าผลลัพธ์การค้นหาแรก ๆ เลยก็มี ทำให้คนค้นหาไม่ว่าจะเป็นบนแพลตฟอร์มไหนก็เจอเรา ช่วยให้ขยายกลุ่มคนเสพคอนเทนต์ได้ด้วย
ทำรูปใหม่ ทั้งรูปปก และทำ Infographic ให้เข้าใจง่าย

นอกจากเนื้อหาแล้ว ยังมีสิ่งที่ต้องอัปเดตให้ดูใหม่ขึ้น ก็จะเป็นรูปปก รูปประกอบบทความ เพราะในบางครั้งรูปประกอบบทความเก่านั้น เนื้อหาล้าสมัยไปแล้ว รูปประกอบบทความดูเก่าไป ความละเอียดน้อยเกินไป การปรับรูปให้ดูสดใสใหม่ขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย และอย่าลืมใส่ Atl Text คีย์เวิร์ดที่เราใช้ไปด้วย เพื่อให้รูปของเราแสดงในส่วนของผลลัพธ์การค้นหาด้วย
ส่วนบทความที่มีอยู่แล้ว แต่อธิบายในเรื่องที่เข้าใจยาก และมีแต่ตัวหนังสือ ก็คงจะดีไม่น้อยถ้ามี Infographic สักรูป เพื่อให้ผู้อ่านทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้ง Infographic จะโดนอ้างอิงง่ายกว่าด้วย เพราะว่า Infographic เป็นการย่อยความรู้ให้อยู่ในรูปภาพดูง่าย คนที่ดูสามารถเข้าใจได้ง่ายด้วย
อย่าลืมเปลี่ยนคนอ่านให้เป็นลูกค้าด้วยการใส่ Call to Action
สุดท้ายถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการปรับประสิทธิภาพโดยตรง แต่คอนเทนต์เก่า ๆ ที่โดนปลุกชีพขึ้นมานั้น ก็ควรจะสร้างคุณค่าให้กับเราด้วย นั่นคือการใส่ Call to Action ให้เหมาะกับธุรกิจของเรา ใครที่ทำ Affiliate Marketing ก็อาจจะเปลี่ยนลิงก์เชิญชวนซื้อสินค้าเป็นลิงก์ที่ได้ค่าส่วนแบ่ง ถ้าเป็นธุรกิจที่ขายสินค้าบน eCommerce Platform หรือขายบนหน้าเว็บไซต์ของตัวเองก็ตาม อย่าลืมที่จะใส่ลิงก์สำหรับซื้อสินค้าโดยตรง
แต่ถ้าใครทำธุรกิจด้านบริการ (อย่าง Digital Break Time) สร้างปุ่ม Call to Action ให้เป็นอีเมลติดต่อ, Facebook Messenger, LINEOA หรือเบอร์โทร เพื่อให้เกิด Lead เกิดการติดต่อ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนผู้อ่านให้เกิดเป็นลูกค้าได้
สรุป คอนเทนต์ SEO บทความเก่า ให้กลับมาสดใหม่ อย่าได้ละเลย ช่วยทำให้เกิดลูกค้าได้
ทั้งหมดนี้เราสามารถเช็คคอนเทนต์เก่า ๆ ได้ที่ Google Analytics หรือ Google Search Console ว่าคอนเทนต์ไหนของเรามีทราฟิกเข้ามาเป็นจำนวนมาก และยังอยู่ในอันดับที่ดีอยู่ แต่เนื้อหาเริ่มเก่าหรือล้าสมัยแล้ว ก็สามารถปรับคอนเทนต์ได้ เพื่อให้คอนเทนต์สดใหม่ มีชีวิตชีวา จะช่วยให้อันดับดีขึ้น และยังสามารถเปลี่ยนจากคนอ่านให้เป็นลูกค้าได้อีกด้วย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time