เพิ่ม CTR (Click Through Rate) ใน Search ของ Google Ads มีวิธีไหน และสามารถทำได้อย่างไร ต้องบอกเลยว่า โฆษณา Search ของ Google Ads ยอดนิยมอย่างมาก เนื่องจากว่ามีความพิเศษมากกว่าโฆษณาอื่น ๆ นั่นคือเป็นโฆษณาเชิงรับ ที่เหมือนอ่านใจคนได้ เพราะเมื่อค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ก็จะโผล่ขึ้นมา ทำให้อัตราการคลิก CTR (Click Through Rate) จะสูงมากกว่าโฆษณาอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งอัตราการคลิก CTR (Click Through Rate) ของ Search นั้น จากประสบการณ์การทำโฆษณา Google Ads มา ในประเทศไทยค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ ราว 3-4% ในหลายอุตสาหกรรมและหลายธุรกิจ (เป็นตัวเลขจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น) การ เพิ่ม CTR จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับการทำโฆษณา Search เพราะนั่นหมายความว่าอัตราการคลิกสูง เท่ากับได้จำนวนคลิกมากขึ้น และเพิ่มโอกาสการได้ Conversion สูงขึ้นด้วย ดังนั้นทาง Digital Break Time เลยจะมาแนะนำวิธีที่ใช้งานจริง แล้วได้ลองแล้วว่าสามารถช่วยปรับ เพิ่ม CTR ให้สูงขึ้นได้
เพิ่ม CTR (Click Through Rate) ใน Search ของ Google Ads จะทำอย่างไรได้บ้าง
เพิ่ม CTR ด้วยการลดคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องน้อยออกไป
การใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องปกติของการทำ Search Ads อยู่แล้ว แต่หลายคนมีความเข้าใจที่ผิด คิดว่าการใส่คีย์เวิร์ดลงไปเยอะ ๆ จะช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ให้ใส่เฉพาะคีย์เวิร์ดที่จำเป็นและครอบคลุมเท่านั้น ไม่ควรใส่คีย์เวิร์ดแบบครอบจักรวาล เพราะยิ่งมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องน้อยเท่าไร ทำให้อัตราการคลิกหรือ CTR ต่ำลง เพราะความเกี่ยวข้องของการค้นหาน้อยลง
ยกตัวอย่างการทำคลินิกทำฟัน ทันตกรรม เป็นแคมเปญเกี่ยวกับรากฟันเทียม
- รากฟันเทียม
- รากฟันเทียม ราคา
- รากฟันเทียม รีวิว
- ฟันปลอม
- ทำฟัน
ถ้าใส่คีย์เวิร์ดเหล่านี้ลงไปจะเห็นว่าจะมีบางคีย์เวิร์ดที่ซ้ำซ้อนอยู่มาก และบางคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องต่ำ ดังนั้นเมื่อปรับปรุงแล้ว ควรจะเหลือคีย์เวิร์ดเท่านี้
- รากฟันเทียม
รากฟันเทียม ราคารากฟันเทียม รีวิวฟันปลอมทำฟัน
เห็นได้เลยว่าคีย์เวิร์ดที่เอาออกไป มีความซ้ำซ้อน คือคำพวกคำขยายของคำว่ารากฟันเทียม ซึ่งเรามีคำหลักอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มคำขยายลงไปอีก ส่วนคำว่าฟันปลอม และ ทำฟัน เรียกว่ามีความเกี่ยวข้องต่ำ ไม่ควรนำมาใส่ แน่นอนว่า CTR จะต้องสูงขึ้น เพราะเราเอาคำที่เกี่ยวข้องน้อยออกไปนั่นเอง
เพิ่ม CTR โดยใช้ Negative Keywords ให้เป็นประโยชน์

จากข้อแรกที่เราใช้คำที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น แต่ในพฤติกรรมการค้นหาจริง ๆ ก็มักจะมีคำพ่วง คำขยายโผล่มาด้วย (Long Tail Keyword) นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราจะต้องมาเช็คที่ Search Term ว่าคนค้นหาอะไรบ้าง ถึงได้เจอโฆษณาของเรา ซึ่งถ้าเช็คแล้วมีคำแปลก ๆ โผล่ขึ้นมาหรือคิดแล้วว่า Search Term นี้ไม่น่าจะใช่ลูกค้าของเรา ก็ต้องใช้ Negative Keywords มาเป็นตัวช่วย
Negative Keywords คือการใช้คีย์เวิร์ด เพื่อคนที่ค้นหาด้วยเนกาทีฟคีย์เวิร์ดที่ตรงกับที่เราใส่ไว้ จะไม่แสดงโชว์ขึ้นมา เพื่อคัดเลือกให้
ยกตัวอย่างจากการดู Search Term ของแคมเปญรากฟันเทียม
- รากฟันเทียม ราคาเท่าไร
- รากฟันเทียม ราคาถูก
- รากฟันเทียม ฟรี
- รากฟันเทียม โรงพยาบาลรัฐ
ถ้าจากประสบการณ์จะใส่ Negative Keywords ดังนี้
- ถูก
- ฟรี
- รัฐ
เนื่องจากคนที่ค้นหาด้วยคำเหล่านี้ มีแนวโน้มสูงที่อาจไม่ใช่ลูกค้าของเรา (เพราะการทำ Google Ads ส่วนของ Search ลูกค้ามักจะเป็นคลินิกเอกชน ที่มีค่าบริการในการทำรากฟันเทียมประมาณหนึ่ง ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการบริการของคลินิกที่ทำโฆษณาด้วย) เพราะคนที่ค้นหาด้วยคำทำนองนี้มักจะมุ่งหาสินค้าที่มีราคาถูก เมื่อเจอโฆษณาของเรามีระบุราคาสูงเอาไว้ ก็จะไม่คลิกโฆษณาของเราหรือคลิกน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นเอา Search Term เหล่านี้ออกไปด้วย Negative Keywords ก็จะช่วยให้ CTR ของเราสูงขึ้น
ที่เลือกคำว่า “ถูก” โดยไม่ใส่คำว่า “ราคา” เข้าไปด้วย เพราะคำว่า “ราคา” เป็นคำกลาง ๆ ที่คนค้นหาอาจจะอยากรู้ราคาก่อนทำจริง เป็นไปทำนองเดียวกับคำว่า “โรงพยาบาล” ที่ไม่ใส่คำนี้ลงไปเพราะเป็นคำกลาง ๆ ไม่ได้หมายถึงโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนนั่นเอง
เพิ่มคอนเทนต์ เปลี่ยนหน้า Landing Page เพื่อเพิ่ม Quality Score
จริง ๆ แล้วการเพิ่ม Quality Score นั้นจะมีความเกี่ยวเนื่อง 3 อย่างด้วยกันคือ
- คีย์เวิร์ดที่เราใช้งาน
- ข้อความโฆษณา หรือ Text Ads
- หน้า Landing Page และคอนเทนต์ในหน้านั้น ๆ
ทั้ง 3 อย่างนี้จะต้องไปด้วยกัน ซึ่งการแก้ไขคียเวิร์ดที่เราใช้งาน และข้อความโฆษณาสามารถทำได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ทำได้ยากกว่าคือหน้า Landing Page และคอนเทนต์ภายในหน้านั้น ซึ่งจะดีมากถ้าหน้านั้นเป็นคอนเทนต์ที่ให้ความรู้และขายของเพิ่มไปด้วย เพราะ Google Ads จะมองหน้ามีคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีความเกี่ยวข้องกันสูง ต่างจากการ Landing ไปยังหน้าเว็บไซต์ที่คอนเทนต์โล่ง ๆ หรือหน้าติดต่อ ซึ่งทำให้ประสบการณ์การค้นหาไม่ดีเท่า
ส่วนตัวเคยแค่เปลี่ยนหน้า Landing Page จากหน้า Home ไปยังหน้าคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ในเว็บไซต์พร้อมขายของไปด้วย ทำให้ Quality Score เพิ่มสูงขึ้นจาก 5/10 > 7/10 และ CPC ก็ลดลง รวมไปถึง CTR ก็สูงขึ้นตามมาด้วย
ใช้คีย์เวิร์ดภาษาไทยผสมอังกฤษ ช่วยได้
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ Google Ads ก็สามารถรู้ความหมายที่เหมือนกัน ใกล้เคียงกันของแต่ละภาษาได้อยู่แล้วในประมาณหนี่งก็ตาม แต่เพื่อให้ครอบคลุมกับการใช้งานคีย์เวิร์ด บางครั้งคนเราไม่ได้หาด้วยคำภาษาใดภาษาหนึ่งในการค้นหาครั้งเดียวกัน การใช้ไทยคำนึง อังกฤษคำนึง ก็ช่วยได้ ยกตัวอย่างเช่น
- Toyota Yaris
- โตโยต้า ยาริส
- Toyota ยาริส
- โตโยต้า Yaris
จะเห็นว่ามีการผสมคำทั้งภาษาไทยและอังกฤษลงไปในการใช้งานคีย์เวิร์ดด้วย เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการค้นหามากยิ่งขึ้น และจะรู้ว่าคนที่ค้นหาด้วยคำลักษณะแบบนี้มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเราใช้งานคนที่ตรงกับ Search Intent ของคนโดยใช้ไทยคำ อังกฤษคำ ก็จะช่วย เพิ่ม CTR ได้ ทั้งนี้สามารถนำไปปรับใช้กับคีย์เวิร์ดที่ใช้งานอยู่เดิมได้
เพิ่ม CTR ด้วยการปรับ Bidding ให้เหมาะสม

อันนี้จะเป็นเรื่องของทางเทคนิค เมื่อเรามีการปรับ Bidding แน่นอนว่าก็จะส่งผลต่อการแสดงผลการค้นหา และ CTR อย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะปรับ Bidding ในรูปแบบไหน ขอให้จำไว้เสมอว่า เมื่อเราปรับราคา CPC, Target CPA ให้ต่ำ ยิ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นั่นหมายความว่าเราต้องการให้จำนวนคลิกมีราคาถูกลง และ Cost per Conversion ต่ำลง ก็จะส่งผลให้ CTR เราต่ำลงด้วย เพราะเรา Bidding สู้คนอื่นไม่ได้ ทำให้โฆษณาของเราไม่แสดง หรือแสดงในลำดับที่ต่ำ ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ CTR ลดลงเช่นกัน (แนะนำให้อ่านเรื่อง Search Impression Share ทำให้เรารู้ว่าโฆษณาของเราแสดงหรือไม่แดงเพราะอะไร)
และเช่นเดียวกัน ถ้าเราปรับ Bidding ที่ต้องการให้ Target ROAS ให้สูง หมายความว่าเราคาดหวังที่ต้องการจะได้ Conversion Value ให้ได้มาก ๆ เมื่อเทียบกับค่าโฆษณา ยิ่งปรับสูงมากเท่าไร Google Ads ก็จะแสดงโฆษณา Search ของเราน้อยลง โดยมุ่งเน้นหาคนที่ต้องการที่จะ Convert ให้ได้ Return กลับมาสูง ๆ เท่านั้น ก็เป็นสาเหตุที่ CTR จะลดลงไปได้อีก ดังนั้นมีคำแนะนำให้ปรับ Bidding อย่างเหมาะสมดังนี้
- CPC, Target CPA ควรปรับให้สูงเกินค่าเฉลี่ย เนื่องจากเราต้องแข่งขันกับคนอื่น เพื่อให้โฆษณาของเราแสดงโชว์ในลำดับที่สูงขึ้น ส่วนตัวจะปรับสูงขึ้นราว 10-30%
- Target ROAS ปรับให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเรารันไปได้สักพัก จากประสบการณ์ส่วนตัวก็จะปรับให้ลดลง 10-20% เพื่อให้โฆษณารันได้ดีขึ้น
สรุป เพิ่ม CTR (Click Through Rate) อย่างไรได้บ้าง
ตามที่กล่าวไปเบื้องต้น มีวิธีหลากหลายซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิธีจากการใช้งานจริง และช่วย เพิ่ม CTR ได้ ซึ่งเมื่อเราได้ CTR สูงขึ้น จำนวนคลิกก็จะได้มากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มโอกาสการเกิด Conversion และ Conversion Value ดังนั้นอย่าได้มองข้ามอัตราการคลิก CTR เลย มาปรับปรุงให้ได้ เพิ่ม CTR สูงขึ้นจะช่วยรีดประสิทธิภาพของโฆษณา Search ของ Google Ads ได้มากขึ้นด้วย
ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับ Digital Marketing หรือเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ สามารถ Inbox สอบถามได้ที่ Facebook ของ Digital Break Time คำถามเด็ด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์จะนำมาเขียนบอกเล่าให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, Twitter, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time