รับงานวิดีโอ ครั้งแรก Video Marketing ในฐานะเอเจนซี่ การทำงานด้านวิดีโอ เรียกว่าเป็นสิ่งใหม่ที่ท้าทายคนทำงานด้าน Digital Marketing อย่างเรามาก แน่นอนว่าวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของงานครีเอทีฟ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสายงานด้านการตลาดออนไลน์อยู่มาก
ซึ่งเอเจนซี่ขนาดเล็กมักจะมีจุดเด่นที่มีความคล่องตัว และมีความเก่ง ความถนัดเฉพาะด้าน และแน่นอนว่าทาง Digital Break Time (moonday.agency) ก็ไม่ได้สันทัดการทำงานด้านวิดีโอมากนัก แต่ทุกอย่างก็ต้องมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งถ้าใครแอบเห็น YouTube ของ Digital Break Time ลงวิดีโอแบบ Shorts ที่เป็นผลงานจริง ก็อย่าตกใจไปว่าลงผิดช่องไหมนะ จริง ๆ เป็นวิดีโอผลงานที่เราทำขึ้นมาเพื่อทางลูกค้า เลยจัดเพลย์ลิสต์ไว้ว่าเป็นผลงานจากทางเราโดยเฉพาะ
ซึ่งการรับงานวิดีโอครั้งแรกนี้ ก็เรียกว่าเป็นการได้เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ หลุดออกจากกรอบเดิม ๆ ที่ตัวเองเคยทำมามากพอสมควร ซึ่งงานที่รับมาก็ผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยก็ตาม
รับงานวิดีโอ ครั้งแรก ในฐานะเอเจนซี่ แชร์ประสบการณ์ต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง
ประสบการณ์ทำงานวิดีโอของผู้เขียนมีมากแค่ไหน
ต้องบอกก่อนว่าตัวเองนั้น ไม่ได้มีความรู้ในการถ่ายวิดีโอเป็นใด ๆ ไม่ได้เป็นช่างภาพ ไม่ได้เป็นตัดต่อ ไม่ได้เป็นคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวิดีโอโดยตรง แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว เคยทำงานเอเจนซี่ ในฐานะคนที่เป็น Marketing ที่เราได้รับโอกาส จำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับทีมวิดีโอ รับบรีฟจากทางลูกค้า มาบรีฟให้กับทางทีมวิดีโออีกที และรู้ขั้นตอนการทำราคาเบื้องต้น พูดง่าย ๆ รู้ในส่วนของ Process ขั้นตอนการที่จะสามารถผลิตวิดีโอออกมาได้ เข้าใจบางส่วนที่จะต้องทำงานด้านวิดีโอนั่นเอง พูดง่าย ๆ เป็น Digital Marketing ที่พอจะรู้เรื่องด้านขั้นตอนการทำวิดีโอนิดหน่อย
ซึ่งประสบการณ์การทำเอเจนซี่ ก็ช่วยเราหลายด้าน ทำให้เรารู้ว่าจะต้องคุยกับลูกค้ายังไง สิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร จะนำวิดีโอไปใช้กับงานอะไร แพลตฟอร์มไหนที่จะรองรับกับวิดีโอที่เรากำลังจะผลิตออกมา และเราก็ยังเป็นคนเสมือนครีเอทีฟด้วย ที่ต้องคิด Theme หรือเนื้อหาในขั้นต้นออกมาก่อน พอเรามองขาดในเรื่องนี้แล้ว เราก็สามารถเริ่มทำวิดีโอได้ โดยสรรหาทีมงานที่จะคอยมาช่วยเติมเต็มรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเขียนสคริปต์ การถ่ายทำวิดีโอ การพากย์เสียง และการตัดต่อวิดีโอ เพื่อให้งานออกมาสำเร็จนั่นเอง
ทำไมถึงเริ่ม รับงานวิดีโอ
อย่างที่เราเกริ่นไปในเบื้องต้น เรียกว่าเราเกิดมากจากการทำ Content Marketing และ Digital Marketing ซึ่งการทำวิดีโอนั้นแทบจะไม่เคยอยู่ในสารบบการทำคอนเทนต์ของเราเลย เรามุ่งโฟกัสที่การทำบล็อก บทความ และ Artworks บางส่วนให้กับลูกค้าบ้าง ส่วนที่เป็น Performance Marketing เรียกว่าจัดเต็มอยู่แล้ว
แต่ก็มีลูกค้าที่ทำกับเราด้าน E-Commerce Ads อย่าง Shopee Ads, Lazada Ads, TikTok Ads ซึ่งก็ทำกันมาเรียกได้ว่านานพอสมควร และสินค้าใน TikTok Shop นั้นขายดีขึ้นมาก ซึ่งการทำวิดีโอก็จะช่วยสนับสนุนการขายได้มากขึ้น โดยเฉพาะ Video Shopping Ads ของทาง TikTok Ads ลูกค้าก็เลยเริ่มปรึกษาเราว่าจะทำดีไหม เราก็เห็นว่าดีมาก เพราะตอนนี้มีแต่วิดีโอของเก่าที่เคยทำมานานแล้ว ที่นำมาใช้งานยิงแอดอยู่ ลูกค้าก็เลยขอคอนแทคสำหรับติดต่อเอเจนซี่ที่รับทำวิดีโอ เราก็เลยแนะนำไป เพราะว่าตอนนั้นเรายังไม่อยากรับงานวิดีโอเท่าไร แต่ไป ๆ มา ๆ ลูกค้าของเราเองก็เลยพูดตรง ๆ ว่าอยากให้เราทำให้ เพราะว่าเห็นฝีมือในการทำ E-Commerce Ads มาแล้ว วิดีโอเราก็น่าจะทำได้ และน่าจะได้มีตติ้งคุยกันทีเดียวครับ จบ ไม่ต้องมาบรีฟงานหลายเอเจนซี่ด้วย เราก็เลยขอบคุณลูกค้าท่านนี้มาก ๆ ที่ตัดสินใจให้เราทำ และคุยกันเรียบร้อยว่านี่เป็นงานวิดีโอของเราครั้งแรก อาจจะมีขัดข้องบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เรียกได้ว่าออกมาได้ด้วยดีเลยทีเดียว
การเตรียมพร้อมก่อน รับงานวิดีโอ
ทุกการเริ่มงานอะไรใหม่ ๆ ย่อมมีการเตรียมพร้อมแบบรัดกุม ทาง Digital Break Time เลยจะมาแชร์ประสบการณ์การเตรียมพร้อมต่าง ๆ ก่อนที่จะรับงานวิดีโอ อย่างที่แจ้งไปว่างานที่เรารับจะเป็นงานสเกลวิดีโอขนาดเล็ก ไม่ใช่งานวิดีโอโฆษณาขนาดใหญ่ เลยการเตรียมตัวเลยไม่มากนัก
รู้ข้อจำกัดของตัวเอง หรือทีมตัวเอง
สิ่งแรกเลยที่ต้องเตรียมพร้อมคือข้อจำกัดของตัวเองว่าเราสามารถรับงานได้เท่าสเกลไหน ความยากง่ายของการถ่ายวิดีโอเป็นอย่างไร อย่างที่แจ้งไปว่าเราเองนั้นสามารถรับงานแบบขนาดเล็ก ๆ ด้วยการเน้นนำมาใช้งานเพื่อการทำโฆษณาโดยเฉพาะ เนื่องจากว่าเป็นสเกลงานขนาดเล็ก ทำให้เราใช้คนจำนวนน้อย ไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง และถ้าเป็นสเกลขนาดเล็กราคาที่ขายให้กับลูกค้าก็จะไม่สูงมากด้วย เราก็เลยรับงานแบบนี้เป็นหลัก แต่ถ้ากลับกันเป็นงานขนาดใหญ่ เรารู้ข้อจำกัดตัวเองเลยไม่รับงานวิดีโอสเกลขนาดใหญ่เลย
ส่วนเรื่องของทีมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของทีมแล้วว่าเคยผ่านงานรูปแบบไหนมาบ้าง ถ้าเคยผ่านงานสเกลใหญ่มา แน่นอนว่าการรับงานขนาดใหญ่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าผ่านงานแบบสเกลเล็กมา ก็อาจจะต้องมองขนาดงานที่ย่อลงมาด้วยเช่นกัน เพราะยิ่งงานขนาดใหญ่ งบประมาณเยอะ ความคาดหวังก็สูงตาม ถ้างานออกมาไม่ได้ตามคุณภาพที่คาดหวัง ก็อาจทำให้เราและลูกค้า รวมถึงทีมผิดหวังได้
ผลิตวิดีโอนี้ออกมาเพื่ออะไร
เรียกได้ว่าเป็นจุดประสงค์แรกในการถามลูกค้าก็ว่าได้ ว่าวิดีโอที่เราผลิตออกมานี้ต้องการให้วิดีโอนี้ทำหน้าที่อะไร จากนั้นก็จะไปต่อยอดได้ เช่นถ้าต้องการทำวิดีโอนี้ออกมาเพื่อให้เกิดไวรัล เกิด Engagement เยอะ ๆ รูปแบบวิดีโอจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง ให้คนหยุดดู กดไลค์และแชร์ได้ แพลตฟอร์มในการลงก็จะค่อย ๆ ทยอยตามมา หรือถ้าตั้งโจทย์ว่าให้วิดีโอนี้ทำออกมาเพื่อขายของโดยเฉพาะ เน้นขายอย่างเดียว โปรต้องเด่น แน่นอนว่าวิดีโอแบบนี้จะมาหวังพึ่งพายอด Reach แบบ Organic ก็จะเป็นไปได้ยาก ก็ต้องใช้เครื่องมืออย่างการทำโฆษณาต่าง ๆ ช่วยด้วย
โดยส่วนตัวเราจะไม่ได้รับงานวิดีโอที่เน้นเป็นไวรัล หรือเน้น Engagement เยอะ ๆ แบบ Organic เนื่องจากวิดีโอแบบนี้จำเป็นมากที่ต้องใช้ความครีเอทีฟสูงมาก ความคิดสร้างสรรค์เรียกได้ว่าสดใหม่ จับใจและอารมณ์คนดูได้ ซึ่งเราเองไม่ได้มีความสามารถทางด้านนั้น แต่เราเน้นจับจุดเรื่องของการขายของเลยมากกว่า และนำวิดีโอนั้นมาเพื่อการทำโฆษณา หรือยิงแอดโดยเฉพาะ เพื่อต่อยอดให้เกิด GMV ยอดขายและรายได้ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TikTok Ads ซึ่งเรียกได้ว่าผลลัพธ์การทำวิดีโอออกมานั้นค่อนข้างดีและมีคุณภาพ และยอดขายที่ได้จากการทำ TikTok Ads โดยใช้วิดีโอที่ผลิตมาก็ทำงานได้เป็นอย่างดี เรียกว่าวินทั้งลูกค้า และวินทั้งเราด้วย
ควบคุมต้นทุนออกมาให้ดี รายรับรายจ่ายออกมาให้ดี
อยากให้นึกถึงว่า เราคือเอเจนซี่ ไม่ใช่การรับงานแบบฟรีแลนซ์อีกต่อไป ถึงจะเป็นเอเจนซี่ขนาดเล็ก แต่ก็ต้องมีกำไร ถ้าทำแล้วขาดทุน สู้ไม่ทำจะดีกว่า ดังนั้นก็ต้องมาทำต้นทุน รายได้ และรายจ่ายออกมาแจกแจงอย่าชัดเจน ว่าสรุปงานที่เรารับมาแล้วจะได้กำไรเท่าไรกันแน่ บอกเลยว่าธุรกิจก็อยู่ได้ด้วยรายได้และกำไร ยิ่งทีมขนาดเล็กอย่าไปมองว่าค่าใช้จ่ายน้อย ก็น่าจะพอ แต่ใจความเป็นจริงแล้วการถ่ายทำวิดีโอจะมีการใช้เวลา ทีมงาน ค่าเดินทาง อาจจะมีค่าสตูดิโอ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ถ้าทำออกมาแล้วกำไรในระดับหนึ่งถือว่ายอมรับได้ แต่ถ้าทำแล้วเสมอตัวหรือขาดทุน ก็จะเป็นบทเรียนที่เราต้องมาทำราคากันใหม่ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและมีกำไร
เตรียมทีมและอุปกรณ์
จริงๆ ข้อนี้จะแปรผันไปตามข้อจำกัดในการรับงานของตัวเองหรือทีมอยู่แล้ว ซึ่งแน่นนอนว่าถ้ารับงานสเกลเล็ก ไม่ใหญ่มาก อุปกรณ์และทีมก็จะมีขนาดเล็กลง ค่าใช้จ่ายน้อยลงตามมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้างานใหญ่ ก็ทีมใหญ่และอุปกรณ์มากขึ้นตาม ดังนั้นก็จำเป็นที่จะต้องลิสต์ว่าในทีมวิดีโอจะต้องมีใครบ้าง และอุปกรณ์ต้องใช้อะไรบ้าง
เนื่องจากส่วนตัวรับแต่งานวิดีโอขนาดเล็ก ทำวิดีโอสั้นเท่านั้น ดังนั้นอุปกรณ์ที่เราใช้ก็จะมีกล้องขนาดเล็ก DJI Osmo Pocket 3 ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ส่วนเรื่องของการถ่ายทำ ตัดต่อ พากย์เสียง และทำสคริปต์ ก็จะมีน้องในทีมที่ช่วยทำให้อยู่แล้ว ส่วนเราเองมีหน้าที่สื่อสารกับลูกค้าว่าต้องการอะไร และคิดรูปแบบคอนเทนต์ที่ต้องการออกมาในช่วงแรก เพื่อให้ทีมทำงานต่อไปได้
สรุป รับงานวิดีโอ ครั้งแรกในฐานะเอเจนซี่ เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับงานที่ทีมได้ทำงานวิดีโอออกมาครั้งแรก เรียกว่าพึงพอใจมาก ออกมาในรูปแบบตามที่เราคิดไว้อยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าก็ต้องเจออุปสรรค์บางอย่างที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสง เวลาการถ่ายทำ รวมไปถึงข้อจำกัดบางอย่าง แต่เมื่องานออกมา ก็ทำให้เราเห็นได้เลยว่าความพยายามในการเริ่มต้นรับงานวิดีโอนั้น ไม่สูญเปล่า ได้รับประสบการณ์ที่ดี อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำงานเอเจนซี่ขนาดเล็ก ฟรีแลนซ์ รวมไปถึงคนที่ทำงานด้านโปรดักชัน การที่เราจะเริ่มต้นทำงานในสิ่งที่ไม่ถนัด ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ขอแค่มีไอเดีย ขอบเขตการทำงานอย่างชัดเจน มีลูกค้าที่ให้การสนับสนุนเรา มีงบประมาณ ก็ช่วยผลงานออกมาได้ และพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยได้ลองทำดีกว่าไม่เคยได้ทำเลย
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time