เขียนคอนเทนต์ ใน Landing Page ต่างจากการเขียนคอนเทนต์ทั่วไปอย่างไร แล้วต้องเขียนยังไงให้เกิด Conversion ตามเป้าหมายที่ต้องการ ด้วยหน้าที่ของ Landing Page มีความเฉพาะตัวซึ่งต่างจากคอนเทนต์ทั่วไปในโซเชียล ดังนั้นจึงใช้เทคนิคในการเขียนที่แตกต่างกันไปด้วย วันนี้ Digital Break Time เลยนำเทคนิคการเขียนคอนเทนต์ใน Landing Page ให้ปัง เรียกคอนเวอร์ชันได้ถล่มทลายมาฝาก จะมีอะไรบ้างไปอ่านกันเลย
รวมเทคนิคการเขียนหน้า Landing Page สร้าง Conversion ให้ทะลุเป้า!
เขียนคอนเทนต์ ใน Landing Page vs. เขียนคอนเทนต์แบบปกติ แตกต่างกันอย่างไร?

หน้าที่ของ Landing Page กับคอนเทนต์ทั่วไปที่เรามักเห็นผ่านตา เช่น คอนเทนต์ในโซเชียล มีความแตกต่างกัน โดยนักการตลาดจะใช้ Landing Page เพื่อต้องการกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมกระทำบางอย่าง เช่น สมัครสมาชิก ซื้อสินค้า ดาวน์โหลด หรือทดลองใช้ การเขียนคอนเทนต์จึงต้องมีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า พร้อมทั้งบอกถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ
ส่วนคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย เราจะใช้เพื่อการสร้างการมีส่วนร่วม การแชร์ และการสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ โดยเนื้อหาอาจจะเป็นการให้ข้อมูลความรู้ หรือความบันเทิง ซึ่งมักใช้เทคนิคการเขียนแบบการเล่าเรื่องเพื่อทำให้น่าสนใจ ดึงดูดคนอ่านได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และเมื่อเข้าใจถึงความแตกต่างของคอนเทนต์ทั้ง 2 แบบแล้ว เรามาเริ่มเขียนคอนเทนต์สำหรับหน้า Landing Page กันต่อเลย
6 เทคนิค เขียนคอนเทนต์ ใน Landing Page เพื่อสร้างยอด Conversion แบบปัง ๆ
1. หัวข้อ (Headline) ต้องสั้น กระชับ น่าสนใจ
เมื่อเข้าสู่หน้า Landing Page หัวข้อจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดและเป็นจุดที่ผู้เยี่ยมชมจะอ่านเป็นจุดแรก ดังนั้น ส่วนของหัวข้อต้องมีความสั้น กระชับ อ่านง่าย และควรมีเนื้อหาที่บ่งบอกถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ ซึ่งตรงกับความต้องการหลักที่ทำให้พวกเขาเข้ามาใน Landing Page นี้ เช่น ถ้าสร้าง Landing Page สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังต้องการซอฟต์แวร์ Mobile CRM ดังนั้นหัวข้อก็ต้องเกี่ยวข้องกับ Mobile CRM การใช้งานผ่านมือถือ การใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ความสะดวกสบายในการออกไปนัดพบลูกค้า เป็นต้น
2. คำบรรยายหัวข้อ (Subheadline) บอกประโยชน์เพิ่มเติม

เมื่อมีหัวข้อหลักที่เอาไว้ดึงความสนใจแล้ว แต่หัวข้อที่สั้น กระชับ อาจจะยังอธิบายข้อดีของสินค้าหรือบริการได้ไม่เพียงพอ เราสามารถเพิ่มความน่าสนใจ หรือกระตุ้นความต้องการมากขึ้นด้วยการใส่คำบรรยายหัวข้อที่จะช่วยสนับสนุนหัวข้อหลักและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอหรือประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ซึ่งคำบรรยายหัวข้อยังคงต้องเขียนให้กระชับ ความยาวของเนื้อหาสามารถยาวกว่าหัวข้อหลักได้ แต่ควรเน้นเขียนให้เข้าใจง่ายเป็นหลัก
3. นำเสนอคุณค่าของสินค้า/บริการให้กระชับ แต่ชัดเจน
ในส่วนของรายละเอียดของสินค้า/บริการ ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชั่น คุณสมบัติ ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ การนำเสนอข้อมูลจำนวนมากให้ลูกค้าอยากอ่านต่อ ควรแบ่งหัวข้อให้เป็นสัดส่วน ใช้ Bullet เข้ามาแบ่งข้อมูลออกเป็นข้อย่อย และเขียนให้กระชับที่สุด ซึ่งเทคนิคการเขียนที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความต้องการได้มากยิ่งขึ้น เราแนะนำว่าควรกล่าวถึงประโยชน์ หรือ Pain point ที่จะได้รับการแก้ไขก่อน แล้วค่อยตามด้วยฟังก์ชั่น หรือความสามารถของสินค้า/บริการของคุณ เช่น
- ไม่ต้องยุ่งยากกับการค้นหาข้อมูลจาก Excle เรารวบรวมทุกข้อมูลการขายไว้ในที่เดียวให้แล้ว
- มีนัดพบลูกค้าเยอะแค่ไหนก็ไม่กลัวลืม เรามี Notification แจ้งเตือนทุกนัดสำคัญ
ถึงแม้เราจะเขียนตามเทคนิคที่กล่าวมาแล้ว แต่ด้วยข้อมูลที่อาจจะมีหลายส่วน หลายหัวข้อ ทำให้ต้องมีเรื่องของการดีไซน์เข้ามาช่วยทำให้ข้อมูลเหล่านี้จัดเรียงออกมาให้มีความหลากหลาย ไม่ดูซ้ำจำเจจนน่าเบื่อ หรืออาจมีการใช้ไอคอน รูปการ์ตูน หรือรูปคนจริง มาช่วยบรรยายแต่ละหัวข้อ ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น
4. มี Social proof การันตีว่าเราดีจริง
เมื่อนำเสนอข้อมูลรายละเอียดของสินค้า/บริการไปแล้ว ผู้เยี่ยมชมก็จะได้รู้จักสินค้า คุณสมบัติ ความสามารถ และข้อดีที่เราจะสามารถช่วยพวกเขาได้ แต่ยังไม่พอ คุณควรเพิ่ม Social proof เช่น จำนวนผู้ใช้บริการของเรา รางวัลที่ได้รับ การรีวิวจากลูกค้าผู้ใช้จริงโดยอาจจะทำเป็นคลิปวิดีโอ หรือทำเป็น Quote ข้อความที่ลูกค้าเล่าประสบการณ์ในการใช้งาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้เยี่ยมชมมั่นใจในการตัดสินใจมากขึ้น
5. ปุ่ม CTA ขาดไม่ได้สำหรับการ เขียนคอนเทนต์ ใน Landing Page

องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการสร้าง Conversion ก็คือ CTA (Call to Action) ซึ่งเป็นปุ่มให้กดเพื่อรับข้อเสนอของเรา เช่น สมัครรับข้อมูล รับส่วนลด ทดลองใช้สินค้า/บริการ และในแต่ละ Landing Page เราจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์เดียว เช่น ถ้าสร้าง Landing Page สำหรับขายระบบ CRM ก็ควรจะมี CTA ที่เขียนว่า “ทดลองใช้ฟรี” เท่านั้น ไม่ควรใส่ CTA ให้ทำอย่างอื่น เช่น ดูแพ็กเกจ หรือดูสินค้าอื่น ๆ ส่วนเทคนิคในการเขียนปุ่ม CTA ควรเขียนให้สั้นและกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมอยากกด โดยการใช้คำที่สื่อถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ เช่น
- เริ่มทดลองฟรี 14 วัน
- รับส่วนลดทันที
- ดาวน์โหลดแล้วเพิ่มยอดขายของคุณ
- ติดต่อทดลองใช้เดโมฟรี
6. อย่าให้ลูกค้า กรอกฟอร์มข้อมูลที่ซับซ้อน
ถ้าใน Landing Page มีฟอร์มสำหรับกรอกข้อมูล ควรเลือกแต่ข้อมูลที่สำคัญ ๆ เท่านั้น เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทร หรืออาจจะมี อาชีพ ประเภทขององค์กร หรืออื่น ๆ เข้ามาอีกเล็กน้อย การมีข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียดนั้นดีก็จริง แต่ต้องคำนึงถึงโอกาสที่ลูกค้าจะกรอกข้อมูลจนสำเร็จด้วย หากลูกค้าต้องกรอกข้อมูลยิบย่อยเยอะ ๆ พวกเขาอาจจะเปลี่ยนใจและปิด Landing Page ของเราซะก่อน ดังนั้นแนะนำว่าทำฟอร์มกรอกข้อมูลให้ง่ายและน้อยเข้าไว้ มีโอกาสที่ลูกค้าจะกรอกข้อมูลให้เรามากกว่า
สรุป เขียนคอนเทนต์ ใน Landing Page แบบไหนดี
Landing Page เปรียบเสมือนเซลล์ที่คอยดึงดูดและโน้มน้าวใจลูกค้าให้ซื้อสินค้า/บริการของเรา ดังนั้นทุก ๆ ส่วนของ Landing Page นั้นสำคัญทั้งหมดที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการกระทำที่เราต้องการ ซึ่งนักเขียนหวังว่าเทคนิคทั้ง 6 ข้อที่ได้นำมาแชร์จะเป็นประโยชน์และช่วยพัฒนาการเขียนคอนเทนต์ใน Landing Page ให้มีประสิมธิภาพมากยิ่งขึ้นนะคะ
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast