การปรับตัวในงาน เมื่อต้องทำงานกับคนต่าง Gen ในสายงาน Content Marketing มีหลายเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าแต่ละช่วงวัย ก็มีประสบการณ์ ความคิด และวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป และเนื่องจากผู้เขียนได้ผ่านการทำงานกับคนที่หลากหลาย Gen มาก มีตั้งแต่ Baby Boomer ไปจนถึง Gen Z วันนี้เลยมาขอแชร์ประสบการณ์ในการปรับตัวในงาน เมื่อต้องก้าวเข้าไปในการทำงานที่มีคนหลากหลาย Gen แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าเนื้อหาในบทความนี้ มีทั้งข้อมูล และประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนผสมกันอยู่ อ่านเพื่อเป็นแนวทางเท่านั้น เพราะแต่ละองค์กร แต่ละบริษัทก็มีคนที่หลากหลายซึ่งอาจจเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้
การปรับตัวในงาน เมื่อต้องทำงานกับคนต่าง Gen ฉบับ Content Marketing
ความแตกต่างด้านต่างๆ ของคนแต่ละ GEN ในการทำงาน

แนวคิดด้านการตลาดและวิธีการทำงาน
แต่ละ Gen จะมีแนวคิดและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป อย่างที่เรารู้กันว่า Baby Boomer รวมถึงคน Gen X จะเป็นกลุ่มคนที่ยึดถือเรื่องของแบบแผน ความดั้งเดิมอย่างมาก รวมถึงมีความอดทนในการทำงานสูง แต่พอมาเป็นคน Gen Y และ Gen Z เราจะเริ่มเห็นสไตล์การทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เน้นที่ผลลัพธ์มากกว่าการทำตามขั้นตอนเป๊ะๆ ซึ่งพอมาทำงานร่วมกัน ก็อาจจะเกิดความแตกต่าง ความไม่เข้าใจในกระบวนการคิดได้เช่นกัน
ส่วนในแง่ของแนวคิดด้านการตลาด อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าคนยุคก่อน ที่มีประสบการณ์การทำงานมานาน จะมองการตลาดในภาพรวมได้เก่งมาก เข้าใจในวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่ทำได้อย่างดี แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า กลุ่มคนนี้จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารทางการตลาด ที่เน้นความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ แล้วสื่อสารไปสู่คนหมู่มาก (Mass Communication) แต่กลับกันในคนยุคใหม่ ที่เกิดมาพร้อมกับการตลาดดิจัทัล ไม่เพียงแค่การคุ้นเคยกับการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ก็มีแนวคิดด้านการตลาดก็จะค่อนข้างมีความแตกต่างกันไป ตรงที่กลุ่มคนนี้จะมองตลาดแบบแบ่งแยกย่อย มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างแยกย่อย มีวิธีการวางแผนการสื่อสารทางการตลาดที่ เฉพาะเจาะจงกลุ่ม (Niche Communication) และการปรับตัวทางการตลาดที่รวดเร็วกว่า เพื่อให้ทันกับกระแสนิยม และช่องทางการสื่อสารทางการตลาดใหม่ๆ
เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
จากความเชื่อที่ว่าคนยุค Baby Boomer ไม่ค่อยคุ้นชินกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็อาจจะไม่จริงนัก เพราะปัจจุบัน คนรุ่นปู่ย่าตายาย ก็ใช้สมาร์ทโฟนกันเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยังคงเห็นได้ชัดเจนอยู่ คือ กลุ่มคนนี้ค่อนข้างเชื่อถือในสิ่งที่จับต้องได้ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ตนเองคุ้นเคย ซึ่งตรงนี้ก็จะรวมมาถึงคน Gen X และ Gen Y ช่วงต้นๆ ด้วย แต่ในคน Gen Z การทำงานจะอาศัยความหลากหลายของเทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อมาช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น อย่างเช่น คนรุ่นก่อน อาจจะมองว่า สิ่งพิมพ์ ทีวี หรืองาน On site ต่างๆ ได้ผลดีในด้านการตลาดเพราะใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมาย แต่คนยุคใหม่ก็จะมองถึงการทำการตลาดในช่องทางอื่นๆ บนโลกอินเตอร์เน็ตด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (ทั้งนี้ไม่มีแบบไหนผิดถูก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย และปัจจัยอื่นๆ )
การสื่อสารและภาษา

ถ้าจะให้เลือกว่าความแตกต่างข้อไหนที่ทำให้ต้องปรับตัวในงานมากที่สุด ผู้เขียนก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของภาษาและการสื่อสาร สังเกตง่ายๆ จากการพูดคำเดียวกันกับคนหลายคน เขาก็จะเข้าใจไม่เหมือนกัน เช่น “ปัง” ของเรา กับของคนอื่น ก็คนละความหมายแล้ว ทีนี้พอมาเป็นการทำงาน Content Marketing ภาษาก็ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ชี้วัดความปัง (ที่หมายถึงสำเร็จ) ได้เลย ความถูกต้องของภาษา ความตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ชาว Baby Boomer ให้ความสำคัญมากๆ แต่กับคนยุคใหม่ที่ภาษาผ่านการเปลี่ยนแปลงมาเยอะ ก็อาจจะมองว่าไม่ได้จำเป็นต้องถูกต้องตามหลัก แต่มองว่ามันให้ความหมายเดียวกันได้มั้ย ดึงดูดมากกว่าหรือเปล่า และไม่ใช่แค่การผลิตชิ้นงานออกไป แต่การสื่อสารกันระหว่างทีมก็เป็นความท้าทายด้วยเช่นกัน เพราะความที่เข้าใจในคำบางคำ หรือบางข้อความไม่เหมือนกัน บางทีก็ทำให้เข้าใจเนื้องานไม่ตรงกันได้เลย
แต่ก็ใช่ว่าความแตกต่างจะมีข้อเสีย หรือความยากในการปรับตัวในงานไปทั้งหมด เพราะการทำงานกับคนต่าง Gen ผู้เขียนก็มองว่ายังคงมีข้อดีอยู่มากมายเหมือนกัน เช่น
มีไอเดียที่หลากหลาย – ชุดความคิดของคนแต่ละ Gen ที่แตกต่างกัน บางทีพอเวลาต้องมา Brian Storm กัน ก็ช่วยให้ได้เห็นมุมมองที่เราอาจจะไม่เคยนึกถึง และก็นำไปปรับใช้ได้ดีด้วย
ได้ร่วมงานกับคนที่ทักษะหลากหลาย – โดยเฉพาะความถนัดในเครื่องมือที่แตกต่างกัน ก็ช่วยให้ทีมมี Solution การทำงานที่พร้อมรองรับโจทย์ได้มากขึ้นด้วย
ข้อดี ข้อเสียในการทำงานกับคนต่าง Gen ก็เป็นสิ่งที่อาจจะเหมือนหรือต่างกันไปตามแต่องค์กรที่ทำงาน แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องเจอแน่ๆ นั่นก็คือ “ความท้าทาย” พอมันมีความแตกต่างเกิดขึ้นในด้านต่างๆ ที่ได้กล่าวไป การปรับตัวในงาน Content Marketing เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับคนหลาย Gen ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งวิธีการที่ผู้เขียนใช้ในการปรับตัวในงาน จากประสบการณ์การทำงาน Content Marketing มีดังนี้
การปรับตัวในงาน ทำอย่างไร? เมื่อต้องทำงานกับคนหลาย Gen พร้อมกัน

• ใช้เหตุผลในการคุยกันให้มากขึ้น
ในบางครั้ง การทำงานร่วมกันกับคนหลากหลาย Gen สิ่งที่มักจะตามมาคืออารมณ์ เพราะความไม่เข้าใจในบริบทเดียวกัน หรือเหตุผลอื่นๆ ก็ตามแต่ ให้เราท่องไว้เสมอว่า ทุกคนในทีมมีเป้าหมายเดียวกันคือทำงานให้มีประสิทธิภาพ แล้วพยายามใช้เหตุผลในการแลกเปลี่ยนความคิด รวมถึงกระตุ้นให้คนในทีม สื่อสารด้วยเหตุและผล เพื่อให้การสนทนา การทำงาน ยึดอยู่บนเป้าหมายเท่านั้น
• เปิดใจรับฟังให้มากขึ้น
แนวคิดและไอเดียของคนรอบข้างเป็นสิ่งที่เราควรรับฟังให้มากขึ้น เพราะมุมมองที่แตกต่างกัน อาจจะช่วยพัฒนางานให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ยังต้องเปิดใจรับฟังปัญหาที่แต่ละคนเจอ รวมถึงวิธีที่เขาเหล่านั้นใช้แก้ปัญหาด้วย เพื่อช่วยกันปรับปรุงสไตล์การทำงาน ให้ Comfort สำหรับทุกคนที่สุด
• เรียนรู้ทั้งสิ่งใหม่และสิ่งเก่า
ตามที่บอกไว้ก่อนหน้าว่า คนแต่ละ Gen มีวิธีการทำงาน และ ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน การใช้ข้อดีตรงนี้ ในการเรียนรู้ประสบการณ์จากคนยุคเก่าและเรียนรู้เทรนด์ เทคโนโลยี รวมถึงวิธีการทำงานของคนรุ่นใหม่ อาจจะช่วยพัฒนาสกิลของเราเองให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
• เป็นตัวกลางระหว่างวัย
ข้อนี้อาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้ามีใครสักคนเป็นตัวกลางเชื่อมโยงความคิดของคนในทีมที่ต่างวัยกัน ก็จะช่วยให้การสื่อสารและการทำงานในทีมมีประสิทธิภาพขึ้นได้
สรุป การปรับตัวในงาน เมื่อทำงานกับคนต่าง GEN ในสายงาน Content Marketing
การปรับตัวในงาน เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในสายงาน Content Marketing (และสายอื่นๆ เช่นกัน)การเปิดใจรับฟังและการเรียนรู้จากกันและกัน และการร่วมมือกันกับคนในทีมเพื่อหากึ่งกลางในการทำงาน จะช่วยให้การทำงานของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast