E-Commerce Marketing คืออะไร คือตำแหน่งหน้าที่ ที่ทำการตลาดออนไลน์ผ่านหน้าร้านออนไลน์ หรือแพลตฟอร์ม เพื่อให้เกิดยอดขาย นี่คือคำสรุปแบบรวมความแบบกระชับให้เข้าใจโดยง่าย
ซึ่งต้องบอกเลยว่าในปัจจุบันนี้ ในสายงานอาชีพ Marketing นั้นเติบโต โดยเฉพาะฝั่ง Digital Marketing ซึ่งใน E-Commerce Marketing ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในงานดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งด้วย เลยทำให้อาชีพนี้มีความโดดเด่น และมีรายได้ที่สูงพอสมควร ถ้าเป็นในตำแหน่งใหญ่ ๆ นั่นเอง จึงเลยเป็นที่น่าสนใจค่อนข้างมากในปัจจุบัน
E-Commerce Marketing คืออะไร อาชีพนี้ทำอะไรบ้าง มีหน้าที่ในองค์กรอย่างไร อนาคตไปได้ไกลแค่ไหน
E-Commerce Marketing อาชีพ นี้มักจะพบได้ในบริษัทอะไรบ้าง

E-Commerce Marketing คืออะไร เรียกได้ว่าเป็นอาชีพแพร่หลายมาก มักจะพบเจอได้ในกลายบริษัทที่ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะในเว็บไซต์และในแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- บริษัทค้าปลีก Retails ที่มีช่องทางการขายบนแพลตฟอร์ม E-Commerce
เรียกได้ว่าเป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เนื่องจากในปัจจุบันนี้บริษัทที่เป็นค้าปลีก Retails ไม่ได้มีแค่การขายสินค้าแบบออฟไลน์อีกต่อไป แต่มักจะมีการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-Commerce ชื่อดังอย่าง Shopee, Lazada รวมไปถึงการสร้างแอป หรือเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าของตัวเองอีกด้วย - แบรนด์สินค้าที่มีการขายสินค้าบนแพลฟอร์ม E-Commerce
ในปัจจุบันมีหลากแบรนด์ที่มุ่งเน้นการขายสินค้าควบคู่ไปทั้งช่องทางหน้าร้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ทำหน้าร้านเอง รวมไปถึงขายในช่องทางออฟไลน์ตัวแทนจำหน่ายอื่นอย่างในห้าง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ และช่องทางออนไลน์ โดยมักจะเริ่มจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เรารู้จักเป็นอย่างดี แน่นอนว่าตำแหน่ง E-Commerce Marketing ก็เป็นที่ต้องการเช่นกัน - แพลตฟอร์ม E-Commerce โดยตรง หรือแพลตฟอร์มตัวกลางอื่น ๆ
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในไทยมีหลายเจ้ามาก ถึงแม้ว่าที่จะเป็นเจ้าใหญ่ ๆ อยู่สองสามเจ้า แต่อย่างลืมว่าเรายังมีแพลตฟอร์มการขายสินค้าเฉพาะทางที่มากขึ้น รวมไปถึงแพลตฟอร์มตัวการต่าง ๆ ที่ให้บริการที่พัก โรงแรม สายการบิน รวมไปถึงการแพลตฟอร์มการให้บริการอย่างเดลิเวอรี่ แพลตฟอร์มเหล่านี้มีมากมาย ซึ่งทำให้ตำแหน่ง E-Commerce Marketing ที่เกี่ยวข้องก็มากขึ้นตาม - โรงแรม และที่พัก ที่มีการให้จองผ่านตัวแทนในเว็บไซต์และแอปต่าง ๆ
โรงแรมเชนขนาดกลางและใหญ่ แน่นอนว่าการที่เราจะจองห้องพักในปัจจุบัน เราก็มักจะจองผ่านตัวกลางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Agoda, Booking, Traveloka, Trips ฯลฯ แน่นอนว่าช่องทางเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น E-Commerce อีกช่องทางหนึ่ง ที่เหล่าโรงแรมและที่พักมักจะเลือกให้ความสำคัญ - สายการบินต่าง ๆ
ต่อเนื่องจากสายโรงแรม แน่นอนว่าสายการบินต่าง ๆ ก็เช่นกัน แต่มักจะไม่ได้เน้นชื่อว่าเป็น E-Commerce Marketing แต่อาจจะใช้ชื่ออื่นอย่าง Marketing ทั่วไปหรือ Digital Marketing แน่นอนว่า E-Commerce ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหน้าที่เช่นกัน
- ดิจิทัลเอเจนซี่ Digital Agency ที่มุ่งเน้นด้าน E-Commerce
ดิจิทัลเอเจนซี่เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ให้บริการทางด้านการตลาด ซึ่งมีหลายเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญทางด้านของ E-Commerce และมีลูกค้าที่ใช้บริการทำการตลาดผ่านอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มต่าง ๆ อยู่แล้ว ทำให้ตำแหน่ง E-Commerce Marketing เป็นที่ต้องการของเหล่า Digital Agency ไม่น้อยเลย
ต้องบอกเลยว่านี่คือเพียงแค่ตัวอย่างของเหล่าบริษัทที่ต้องการตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ E-Commerce Marketing บางส่วนเท่านั้นอาจจะมีมากกว่านี้ในอนาคต
E-Commerce Marketing อาชีพ นี้ต้องทำอะไรบ้าง

E-Commerce Marketing คืออะไร ต้องบอกก่อนว่าในแต่ละบริษัท ถึงแม้จะใช้ชื่อตำแหน่งเดียวกัน แต่ว่าหน้าที่ย่อมต่างกัน หรือถ้าเป็นระดับ Manager หรือใหญ่ขึ้นไป ความกว้างในการทำหน้าที่ก็จะมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งในหัวข้อนี้จะพูดถึงงานทั่วไป ๆ ที่สามารถพบเจอได้ของงานในตำแหน่ง E-Commerce Marketing เท่านั้น
- จัดการภาพรวมของสินค้าใน E-Commerce แพลตฟอร์ม
ไม่ว่าจะเป็นการลงสินค้า ทำภาพหรือวิดีโอในน่าดึงดูดความสนใจ การใส่ข้อความ Description ต่าง ๆ เพื่อให้สินค้าของเราน่าดึงดูด และเป็นไปตามแพลตฟอร์มอีเมิร์ซนั้น ๆ ในส่วนนี้รวมถึงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเองด้วย ส่วนเรื่องของการกำหนดราคานั้น มักจะมีการกำหนดมาจากแผนก Product Owner หรือ Product Manager อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องของราคาอาจจะไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เพราะทางทีม E-Commerce Marketing จะไม่ได้เป็นคนกำหนดราคาการขายเอง - ดูแลเรื่องของการ Fulfillment ออเดอร์ที่ได้เมื่อเกิดการขาย
เมื่อเกิดการขายบนอีคอมเมิร์ซมาแล้ว สิ่งที่จะต้องดูแลต่อมาคือ เมื่อเกิดออเดอร์สินค้ามาแล้ว ทางลูกค้าจะได้รับสินค้าถึงมือได้อย่างไร แน่นอนว่าถ้าที่ไหนมีคลังของตัวเองก็ต้องประสานงานในส่วนนี้ หรือจะใช้ระบบ Fulfillment จาก Outsource ได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าพวกนี้อาจจะไม่ได้ถึงขนาดต้องไปทำการส่งเองหรือดูเรื่องของสินค้าในคลัง เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของฝั่ง Warehouse และ Fulfillment - การเข้าร่วมแคมเปญของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ
แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้การเข้าร่วมแคมเปญไม่ว่าจะเป็นบนแพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Shopee, Lazada, TikTok ฯลฯ มักจะค่าใช้จ่าย หรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ทำให้เราจะต้องตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมแคมเปญไหม จะเข้าอย่างไร จะเข้าทุกแคมเปญ Double Day, Mid Month, Pay Day เลยไหม รวมไปถึงการคัดเลือกสินค้าต่าง ๆ ว่าสินค้าไหนจะเข้าร่วม สินค้าไหนไม่เข้าร่วม ถ้าจะลดราคาจะลดราคาได้แค่ไหน สิ่งเหล่านี้ต่างถือว่าคนที่ทำฝั่งอีคอมเมิร์ซจะต้องเป็นคนตัดสินใจ - การทำโฆษณา เพื่อโปรโมททางฝั่ง E-Commerce ให้เติบโตขึ้น
การทำโฆษณาไม่ว่าจะเป็น Ads ในแพลฟอร์มนั้น ๆ (On Platform Ads) เช่น Shopee Ads, Lazada Ads, Display Ads หรือโฆษณานอกแพลตฟอร์ม (Off Platform Ads) อย่าง Social Media อื่น ๆ แล้วเพิ่ม Traffic หรือโฆษณาแบบ CPAS เพื่อให้เกิดการซื้อขายบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มให้มากขึ้น ดังนั้นพวกการโฆษณาแบบนี้ก็ถือว่ามักจะเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเหล่า E-Commerce Marketing ด้วย - เพิ่มประสิทธิภาพของการขายบน E-Commerce ในระดับสูงสุด และรายงานต่อทีม
เรียกว่าเป็นจุดประสงค์หลักของทีมและตำแหน่ง E-Commerce Marketing เลยก็ว่าได้ เพราะการขายบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มก็ต้องการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าทางทีมก็จะได้งบประมาณมาส่วนหนึ่ง เพื่อให้เห็นการเติบโตบนช่องทางนี้ และไม่เพียงแค่นั้นการทำรายงาน รีพอร์ตหรือสไลด์ เพื่อให้ทีมรวมไปถึงหัวหน้าให้ได้รู้ว่า ยอดเป็นเท่าไรแล้ว มาจากช่องทางไหน มีตัวเลขเป็นอย่างไร มีอัตราการเติบโตแค่ไหน ทั้งหมดนี้เรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญเลยทีเดียว
E-Commerce Marketing ต้องทำงานร่วมกับแผนกไหนบ้าง

ไม่ว่าจะหน้าที่ใด ๆ เราไม่สามารถทำงานเองได้ด้วยตัวคนเดียวได้ แน่นอนว่าเราก็ต้องทำงานกับทีมอื่น ๆ ด้วย ซึ่งทีมที่เราต้องดีลด้วยนั้น ก็มีทั้งทีมภายในและทีมภายนอก เช่น
- Web Developer / App Developer / Programmer โปรแกรมเมอร์ทำเว็บหรือแอปพลิเคชัน
สำหรับบริษัทไหนที่มีเว็บไซต์ หรือแอป เพื่อขายสินค้าของตัวเอง แน่นอนว่าคุณจะต้องคุยกับทีมโปรแกรมเมอร์ ที่ดูแลเว็บหรือแอปก็ตาม เพราะการที่สินค้าจะขายได้ก็ต้องผ่านหน้าด่านอย่างแอปและเว็บก่อนทั้งนั้น เมื่อเกิดปัญหาขัดข้องอะไรขึ้นมา หรือต้องการปรับเปลี่ยนหน้าตา UX UI ก็จำเป็นมากที่ต้องทำงานร่วมกัน และคอยคุยประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง
- Agency เอเจนซี่
ในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ต่างใช้บริการของเอเจนซี่เพื่อมาทำหน้าที่เสริม ในสิ่งที่เราอาจจะดูแลไม่ได้ไม่ทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณา On-Platform เช่น ยิงแอดบน E-Commerce Platform ต่าง ๆ หรือการจัดการ Affiliate รวมไปถึงการทำโฆษณา Off-Platform อย่างการทำ CPAS จากทาง Meta หรือ Shopping ของ Google Ads เพื่อให้เกิดการขายบน Shopee, Lazada และในเว็บไซต์ตัวเอง ดิจิทัลเอเจนซี่ Digital Agency ก็จะช่วยเราในด้านเหล่านี้ได้ ดังนั้นทาง E-Commerce Marketing เองก็จำเป็นที่จะต้องมอบหมายงานและหน้าที่ รวมถึงการคุย การวางแผนงบประมาณ และสินค้าที่ต้องการจะโปรโมท เน้นในช่วงไหน ก็จำเป็นมากที่จะต้องปรึกษากัน
- Accountant ฝ่ายบัญชี
เมื่อเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็แน่นอนว่าต้องมีทีมบัญชีที่เราต้องร่วมงานด้วย ซึ่งโดยปกติทาง Marketing มักจะต้องคุยกับบัญชีในเรื่องของรายจ่ายเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเป็นของคู่กัน งบเท่าไรอะไรยังไง ซึ่งในบางอย่างอาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับฝั่ง E-Commerce Marketing ก็อาจจะคุยเรื่องของรายรับด้วย ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดกลางบางที่ ทางบัญชีอาจจะมีสอบถามได้ว่าอันนี้โดนหักไปเท่าไร ทำไมรายจ่ายตรงนี้มาจากไหน แต่ถ้าบริษัทใหญ่ ๆ ก็อาจจะไม่ได้เจอบัญชีมากนัก
- Product Owner / Product Manager
เป็นฝ่ายที่เรียกว่าน่าจะคุยด้วยกันบ่อยมากเกือบจะที่สุด เพราะทีม Product Owner / Product Manager มักจะดูแลช่องทางในการขายสินค้าที่รับผิดชอบโดยตรง และแน่นอนว่าราคาที่มาให้จำหน่ายก็จะมาจากทีมนี้ด้วย เลยอย่างยิ่งโดยเฉพาะการทำโปรโมชันต่าง ๆ ทีมนี้ก็จะเป็นคนที่เรียกว่าดูแล เพื่อไม่ให้ช่องทางการขายแต่ละทางทับซ้อนกัน เช่นจัดโปรลดเยอะเกินไป ส่วนลดให้ได้เท่าไร เมื่อหักกับค่า แคมเปญบนแพลตฟอร์มแล้วจะเหลือเท่าไร และในบางที่ บางบริษัท งบทำการตลาดของสินค้าก็อาจจะมาจาก ทีม Product Owner / Product Manager ด้วยเช่นกัน
- Fulfillment Manager หรือบริการด้าน Fulfilment
อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่า การขายของบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม ย่อมต้องมีการจัดส่ง การแพ็คสินค้า ลูกค้าส่งของคืนกลับมาจะเคลมยังไง ติดต่อใคร ซึ่งทีมนี้หรือบริการที่ดูแลตรงนี้คือ Fulfilment ที่จะช่วยให้งานทุกอย่างดูราบรื่นมากขึ้น อาจจะมีสินค้าที่สต๊อกเอาไว้บางส่วน แต่ไม่ต้องถึงขนาดเป็น Warehouse หรือคลังขนาดใหญ่ ตรวจนับสินค้าหรือสต๊อกให้เพียงพอขายกับความต้องการ ระบบจัดการสต๊อกสินค้าเชื่อมต่อกับบนแพลตฟอร์ม เพื่อไม่ให้สินค้าหมดกลางอากาศในช่วงแคมเปญที่กำลังขายดี การส่งสินค้าที่ให้กับลูกค้าอย่างตรงเวลา ตรงออเดอร์ ไม่มีผิดเพี้ยน การแพ็คสินค้า และการติดต่อกับขนส่ง ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นทีมหรือบริการ Fulfilment ช่วยดูแลระบบหลังบ้านที่ช่วยเติมเต็มให้กับการทำ E-Commerce Marketing เป็นไปอย่างไม่มีสะดุดนั่นเอง
สรุป E-Commerce Marketing อาชีพนี้น่าทำแค่ไหน และมีแนวโน้มอย่างไรในอนาคต
คิดว่าอาชีพนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานค่อนข้างสูง เพราะในปัจจุบันเรียกได้ว่าสินค้าไหน ๆ ก็เน้นของการค้าขายบน E-Commerce Platform มากขึ้น เพราะสามารถสั่งซื้อได้แทบจะตลอดเวลา และแนวโน้มก็จะไปทางด้านนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง เห็นว่าตำแหน่งงานของ E-Commerce Marketing ก็มีแนวโน้มที่สดใส สามารถไปได้ไกล จำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องมีความรู้ในด้านเทคนิคต่าง ๆ การวางแผน การคิดวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกันเป็นทีม ยิ่งเรามีประสบการณ์มากขึ้น รายได้ก็จะสูงตามไปด้วย เลยคิดว่างาน E-Commerce Marketing ยังคงอยู่ได้ เพียงแค่คนที่ทำงานด้านนี้จำเป็นต้องปรับตัว ยอมรับการใช้งานเครื่องมือใหม่ ๆ เปิดรับโอกาส การเรียนรู้ จะทำให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น
ติดตามเรื่องราว Digital Marketing จาก Digital Break Time ได้ที่
Facebook, X, Line Official Account, Instagram, Spotify, YouTube, Apple Podcast
ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time